สำนักงานตำรวจนครบาลประจำกรุงโตเกียวได้เริ่มทำการสอบสวนเบื้องต้นในวันนี้ กรณีที่บริษัท Coincheck ผู้ให้บริการซื้อขายสกุลเงิน NEM ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัล เปิดเผยว่า แฮกเกอร์ได้โจรกรรม NEM ไปจากระบบเป็นจำนวนเงินสูงถึง 5.8 หมื่นล้านเยน
การสอบถามเจ้าหน้าที่ Coincheck มีขึ้น ก่อนที่ตำรวจจะทำการสอบสวนอย่างเต็มรูปแบบต่อการทำธุรกรรม และกระบวนการเข้าถึงข้อมูลของบริษัท
นอกจากนี้ ตำรวจยังอาจจะต้องขอความร่วมมือจากต่างประเทศ หากพบว่าแฮกเกอร์จากต่างประเทศทำการลักลอบเจาะข้อมูลเข้าสู่ระบบในญี่ปุ่น
ทางด้านสำนักงานกำกับการเงิน (FSA) ของญี่ปุ่น ออกคำสั่งให้ Coincheck ดำเนินการปรับปรุงธุรกิจในวันนี้ เนื่องจากมองว่าบริษัทไม่มีมาตรการป้องกันความเสี่ยงที่เหมาะสม พร้อมกับให้บริษัทยื่นรายงานภายในวันที่ 13 ก.พ. เพื่อแจ้งสาเหตุของการเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว และระบุมาตรการที่บริษัทจะดำเนินการเพื่อยกระดับความปลอดภัยของระบบ
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา Coincheck ประกาศว่า NEM จำนวน 5.8 หมื่นล้านเยน (534 ล้านดอลลาร์) ได้สูญหายไปจากตลาดซื้อขายเงินดิจิทัลแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น เนื่องจากถูกแฮกเกอร์ลักลอบเจาะเข้าระบบ
การสูญหายเงินดังกล่าว ทำให้ Coincheck ประกาศระงับการซื้อขาย และฝากถอนเงิน NEM ขณะที่มีลูกค้าราว 260,000 คนที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ครั้งนี้
Coincheck ประกาศว่า ทางบริษัทจะจ่ายเงินคืนกว่า 4.6 หมื่นล้านเยน (423 ล้านดอลลาร์) ให้แก่ลูกค้าที่สูญเสียสกุลเงิน NEM จากการโจรกรรมของแฮกเกอร์ โดยจำนวนเงินที่ทางบริษัทจ่ายคืนให้นี้ คิดเป็นเกือบ 90% ของมูลค่าความเสียหาย
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า เงินที่หายไปนั้นถูกเก็บอยู่ในบัญชีเงิน "Hot Wallet" ซึ่งมีการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต และมีความปลอดภัยต่ำ ตรงกันข้ามกับบัญชีเงิน "Cold Wallet" ที่มีการเก็บรักษาอย่างปลอดภัยในรูปแบบออฟไลน์
วงเงิน NEM ที่สูญหายในครั้งนี้ มากกว่าที่ Mt. Gox ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายบิตคอยน์ในญี่ปุ่น แจ้งว่ามีการสูญหายบิตคอยน์วงเงิน 4.8 หมื่นล้านเยนในปี 2557