อดีตผู้ที่เคยได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ 3 คนต่างเรียกร้องให้นางออง ซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐของเมียนมา ยุติการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮิงญา มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีในศาลระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งในปี 2559 นางซูจี ผู้ซึ่งเคยได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปี 2534 ไม่เคยประณามการกวาดล้างชาวโรฮิงญาซึ่งส่งผลให้มีการอพยพออกจากเมียนมาไปยังบังกลาเทศเกือบ 700,000 คน
"นางซูจีต้องเลิกทำเป็นหูทวนลมต่อกับการสังหารชาวโรฮิงญา มิฉะนั้นเธอจะถูกมองว่าสมรู้ร่วมคิดในการก่ออาชญากรรมดังกล่าว" นางตาวัคโคล คาร์มาน นักเคลื่อนไหวจากเยเมน ซึ่งได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปี 2554 กล่าวในการแถลงข่าวที่กรุงธากา บังกลาเทศ หลังจากเข้าเยี่ยมค่ายผู้อพยพทางตอนใต้ของประเทศ
"ถ้านางซูจีไม่ทำเช่นนั้น เธอก็ควรลาออก หรือรับผิดชอบร่วมกับบรรดานายทหารสำหรับอาชญากรรมที่เกิดขึ้น" นางคาร์มานกล่าว
ส่วนนางไมเรด แมกไกวร์ นักเคลื่อนไหวชาวไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปี 2519 กล่าวว่า เธอได้ยินเรื่องราวของผู้หญิงที่ถูกข่มขืน และครอบครัวที่ถูกฆาตกรรม และเด็กๆถูกโยนลงไปในกองไฟ หรือทิ้งลงในแม่น้ำ ซึ่งผู้ที่กระทำการดังกล่าวจะต้องถูกนำตัวไปดำเนินคดีในศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC)
ทางด้านนางชิริน เอบาดี ทนายความชาวอิหร่าน และเป็นสตรีชาวมุสลิมคนแรกที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปี 2546 กล่าวว่า ชาวโรฮิงญามากกว่า 1 ล้านคนไร้ที่พักอาศัย ขณะที่เสียชีวิตหรือสูญหายจำนวนมาก ซึ่งถึงเวลาแล้วที่ประชาคมโลกจะต้องทำบางสิ่งบางอย่าง
ผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพทั้ง 3 คนวางแผนที่จะไปเยือนเมียนมา และระบุว่า พวกเขาได้พยายามติดต่อส่งข้อความไปยังนางซูจี แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบแต่อย่างใด