นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า เขาอาจเดินทางไปกรุงเยรูซาเลม เพื่อเปิดสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำอิสราเอลแห่งใหม่ด้วยตัวเอง หลังจากที่เขาตัดสินใจประกาศรับรองให้กรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมาว่า
"ถ้าผมสามารถไปได้ ผมจะไป" ทรัมป์ตอบผู้สื่อข่าวเพื่อถูกถามว่า เขาจะไปอิสราเอลเพื่อเปิดสถานเอกอัครราชทูตแห่งใหม่ ตามที่กำหนดไว้ในเดือนพ.ค.หรือไม่ ก่อนเขาจะพบปะกับนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ซึ่งมีกำหนดเดินทางมาเยือนสหรัฐ
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังกล่าวถึงการลดงบประมาณในการสร้างสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำอิสราเอล ลงจากระดับ 1 พันล้านดอลลาร์ เหลือ 2.5 แสนดอลลาร์ด้วยเช่นกัน
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ได้ทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้ตั้งแต่ครั้งหาเสียงเลือกตั้ง ท่ามกลางกระแสคัดค้านจากทั่วโลก ด้วยการประกาศให้เยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลอย่างเป็นทางการ เมื่อเดือนธ.ค.ที่ปีแล้ว และเตรียมย้ายสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐจากกรุงเทลอาวีฟไปยังกรุงเยรูซาเลม ซึ่งการตัดสินใจของเขาในครั้งนี้ถือเป็นการดำเนินการที่สวนทางกับนโยบายที่สหรัฐดำเนินมาหลายปี อีกทั้งยังกระตุ้นให้เกิดความตึงเครียดตะวันออกกลาง
ส่วนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐออกแถลงการณ์ระบุว่า สหรัฐจะย้ายสถานเอกอัครราชทูตจากกรุงเทลอาวีฟไปยังกรุงเยรูซาเลมในช่วงกลางเดือนพ.ค.นี้ ซึ่งจะตรงกับการครบรอบ 70 ปีของการสถาปนารัฐอิสราเอล
กระทรวงต่างประเทศสหรัฐระบุว่า สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำอิสราเอลแห่งใหม่จะตั้งอยู่ชั่วคราวในอาคารซึ่งปัจจุบันเป็นที่ทำการของสถานกงสุลสหรัฐประจำกรุงเยรูซาเลม ก่อนจะมีการขยายพื้นที่ในช่วงปลายปี 2562