นายราชกุมาร เชตรี ผู้จัดการทั่วไปของท่าอากาศยานนานาชาติตรีภูวัน กรุงกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล แถลงว่า มีผู้เสียชีวิต 49 ราย และบาดเจ็บ 22 ราย หลังเกิดเหตุเครื่องบินของสายการบินยูเอส-บังกลา ได้ประสบอุบัติเหตุตกลงกระแทกพื้นจนเกิดเพลิงลุกไหม้ ขณะพยายามลงจอดที่ท่าอากาศยานเมื่อวานนี้
นายราชกุมารเปิดเผยว่า โศกนาฏกรรมดังกล่าว เกิดจากความผิดพลาดของนักบินขณะนำเครื่องลงจอด
นายราชกุมารยังกล่าวว่า เครื่องบินลำดังกล่าวเกือบเฉี่ยวชนกับส่วนหางของเครื่องบินสายการบินไทยที่จอดอยู่ในสนามบินขณะนั้น
เครื่องบินสายการบินยูเอส-บังกลาเที่ยวบิน UBG211 ธากา-กาฐมาณฑุ มีผู้โดยสาร 67 ราย และลูกเรือ 4 ราย โดยผู้โดยสาร 33 รายเป็นชาวเนปาล, 32 รายเป็นชาวบังกลาเทศ, 1 รายจากประเทศจีน และอีก 1 รายจากมัลดีฟส์ ส่วนลูกเรือ 4 รายเป็นชาวบังกลาเทศ
ทั้งนี้ สายการบินยูเอส-บังกลา อยู่ในเครือของกลุ่มบริษัทยูเอส-บังกลา กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างสหรัฐและบังกลาเทศ
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เจ้าหน้าที่ระงับเที่ยวบินขาเข้าและออกจากสนามบินดังกล่าว
ท่าอากาศยานนานาชาติตรีภูวัน นับเป็นหนึ่งในท่าอากาศยานที่เครื่องบินลงจอดยากที่สุดในโลก โดยมักเกิดอุบัติเหตุทางอากาศหลายครั้ง เนื่องจากสภาพสนามบินที่ตั้งอยู่ในหุบกระทะของเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งส่งผลให้เครื่องบินมักประสบปัญหาขณะลงจอด
ทั้งนี้ ในปี 2535 ได้เกิดโศกนาฎกรรมครั้งใหญ่ หลังเครื่องบินของสายการบินไทยประสบอุบัติเหตุตกลงขณะพยายามลงจอด ส่งผลให้ผู้โดยสารและลูกเรือเสียชีวิตรวม 113 ราย