โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษกล่าวว่า อังกฤษและสหรัฐเห็นพ้องกันว่าเหตุการณ์โจมตีกลุ่มกบฏในซีเรียด้วยอาวุธเคมีมีหลักฐานบ่งชี้เหมือนกับการโจมตีครั้งก่อนหน้านี้ว่าเป็นฝีมือของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดแห่งซีเรีย
โฆษกระบุว่า นายบอริส จอห์นสัน รมว.ต่างประเทศอังกฤษ เห็นพ้องกับนายจอห์น ซัลลิแวน รักษาการรมว.ต่างประเทศสหรัฐ ในการยึดมั่นอนุสัญญาว่าด้วยอาวุธเคมี และยืนยันว่าจะนำผู้ที่เกี่ยวข้องกับการโจมตีดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวในวันนี้ว่า สหรัฐจะทำการตัดสินใจครั้งสำคัญเกี่ยวกับซีเรียภายในเวลา 24-48 ชั่วโมงข้างหน้า
คำกล่าวของปธน.ทรัมป์มีขึ้น หลังจากที่เขาขู่ก่อนหน้านี้ว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีด้วยอาวุธเคมีในซีเรียจะต้องชดใช้อย่างสาสม หลังจากเกิดเหตุการณ์โจมตีด้วยอาวุธเคมีต่อฐานที่มั่นของกลุ่มกบฎซีเรีย จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
ปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความระบุว่า "มีประชาชนเสียชีวิต ไม่เว้นแม้แต่เด็กและผู้หญิงในเหตุการณ์โจมตีด้วยอาวุธเคมี" พร้อมกล่าวอีกด้วยว่า "ประธานาธิบดีปูติน รัสเซีย และอิหร่าน จะต้องรับผิดชอบต่อการสนับสนุนประธานาธิบดีอัสซาด และจะต้องชดใช้อย่างสาสม"
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลซีเรียได้ออกมาปฏิเสธว่า กองกำลังของรัฐบาลซีเรียไม่ได้ใช้อาวุธเคมีสังหารประชาชน