นายทิม คุก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทแอปเปิล อิงค์ ได้เดินทางมาที่แอปเปิล สโตร์ที่เมืองพาโล อัลโต ในวันนี้ เพื่อให้การต้อนรับและแสดงความยินดีด้วยตัวเองต่อลูกค้ารายแรกๆ ที่จะได้รับ iPhone XS Max และ iPhone XS
ทั้งนี้ แอปเปิลวางจำหน่าย iPhone ทั้ง 2 รุ่น และ Apple Watch Series 4 ในกว่า 30 ประเทศในวันนี้ ซึ่งรวมถึง สหรัฐ อังกฤษ เบลเยียม ออสเตรเลีย จีน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
อย่างไรก็ดี การตอบรับ iPhone รุ่นใหม่ของสาวกแอปเปิลมีความแตกต่างกันในแต่ละประเทศ โดยบรรยากาศค่อนข้างคึกคักในตลาดเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แต่จะเงียบเหงาในตลาดยุโรป เช่น อังกฤษ และเบลเยียม
iPhone XS Max มีขนาดหน้าจอ 6.5 นิ้วแบบ OLED ซึ่งเป็น iPhone ที่มีหน้าจอใหญ่ที่สุดเท่าที่แอปเปิลเคยผลิตมา พร้อมกับแบตเตอรีที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของแอปเปิล โดยสามารถใช้งานนานขึ้น 1 ชั่วโมงครึ่ง
ส่วน iPhone XS มีขนาดหน้าจอ 5.8 นิ้วแบบ OLED เท่ากับ iPhone X ในปัจจุบัน โดยสามารถกันน้ำ และมีตัวประมวลผลที่ทำงานเร็วขึ้น รวมทั้งมีการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบเลนส์คู่ ซึ่งจะช่วยให้การถ่ายภาพดีขึ้น พร้อมกับแบตเตอรีที่จะสามารถใช้งานนานขึ้น 30 นาที
ทั้ง iPhone XS Max และ iPhone XS รองรับระบบ dual SIM ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้สามารถใช้ซิม 2 เบอร์บนเครื่องเดียวกัน
iPhone XS มีราคาเริ่มต้นที่ 999 ดอลลาร์ และ iPhone XS Max เริ่มต้นที่ 1,099 ดอลลาร์
นอกจากนี้ แอปเปิลจะเริ่มรับพรีออเดอร์ของ iPhone XR ซึ่งเป็น iPhone ที่มีราคาถูกกว่า 2 รุ่นดังกล่าว ในวันที่ 19 ต.ค. และจะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 26 ต.ค. โดย iPhone XR มีขนาดหน้าจอ 6.1 นิ้วแบบ LCD ขณะที่แบตเตอรีสามารถใช้งานนานขึ้น 1 ชั่วโมงครึ่ง และมีราคาเริ่มต้นที่ 749 ดอลลาร์
สถาบันวิจัยเคานท์เตอร์พอยท์ รีเสิร์ชคาดการณ์ว่า แอปเปิลจะสามารถทำยอดขาย iPhone ใหม่ทั้ง 3 รุ่นรวม 190 ล้านเครื่องภายในเดือนก.ย.ปีหน้า โดย iPhone XR จะครองส่วนแบ่ง 50% ส่วน iPhone XS และ iPhone XS Max จะมีส่วนแบ่ง 33% และ 17% ตามลำดับ