ซาอุดีอาระเบียยืนยันว่าจะไม่มีการใช้น้ำมันเป็นเครื่องมือทางการเมืองตอบโต้ชาติอื่นๆ หากซาอุดีอาระเบียถูกคว่ำบาตรกรณีการเสียชีวิตของนายจามาล คาช็อกกี นักข่าวซาอุดีอาระเบีย
ต่อข้อถามที่ว่า ซาอุดีอาระเบียจะใช้มาตรการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมัน ดังเช่นที่ชาติอาหรับใช้ในปี 2516 หรือไม่ นายคาลิด อัล-ฟาลีห์ รมว.น้ำมันซาอุดีอาระเบีย กล่าวว่า "เราไม่มีความประสงค์เช่นนั้น และเหตุการณ์นี้จะผ่านพ้นไปในที่สุด โดยซาอุดีอาระเบียเป็นประเทศที่มีความรับผิดชอบ ซึ่งในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา เราใช้นโยบายน้ำมันเป็นเครื่องมือเศรษฐกิจที่มีความรับผิดชอบ และไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง"
"บทบาทของผมในฐานะรัฐมนตรีน้ำมันมีหน้าที่ในการดำเนินนโยบายรัฐบาลที่สร้างสรรค์ และรับผิดชอบ และสร้างเสถียรภาพต่อตลาดพลังงานทั่วโลก เพื่อให้เศรษฐกิจโลกเกิดการพัฒนา" นายอัล-ฟาลีห์กล่าว
ทั้งนี้ หลายประเทศมีความไม่พอใจต่อซาอุดีอาระเบีย โดยมองว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของนายคาช็อกกี และได้ตัดสินใจยกเลิกการเข้าร่วมงานประชุม Future Investment Initiative (FII) ที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ระบุว่า ตนไม่พอใจกับคำอธิบายของซาอุดีอาระเบียเกี่ยวกับการเสียชีวิตของนายคาช็อกกี
"ผมไม่พอใจในสิ่งที่ผมได้ยินมา" ปธน.ทรัมป์กล่าว
"เราได้ส่งคนไปซาอุดีอาระเบียแล้วในตอนนี้ และเรามีเจ้าหน้าที่ข่าวกรองระดับสูงอยู่ในตุรกี" ปธน.ทรัมป์กล่าวเพิ่มเติม
ทั้งนี้ มีรายงานว่า นางจีน่า แฮสเปล ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (CIA) ได้เดินทางไปยังตุรกีเมื่อวานนี้ ขณะที่ทั่วโลกต่างรอดูถ้อยแถลงของนายเรเซพ ตอยยิป เออร์โดกัน ประธานาธิบดีตุรกี ที่ประกาศว่า เขาจะเปิดเผยความจริงเบื้องหลังการสังหารนายคาช็อกกี "แบบหมดเปลือก" ในวันนี้
นายคาช็อกกี คอลัมนิสต์ของหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ หายตัวไปหลังเดินทางเข้าไปในสถานกงสุลซาอุดีอาระเบียประจำกรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี เมื่อวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา ก่อนที่ซาอุดีอาระเบียจะออกมายอมรับในเวลาต่อมาว่า เขาได้เสียชีวิตภายในสถานกงสุล
นายคาช็อกกีได้ลี้ภัยไปใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศเมื่อปีที่แล้วเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับกุม จากการที่เขามักวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย และเรียกร้องให้มีการปฏิรูปการเมืองในซาอุดีอาระเบีย