นายจอห์น สโลซาร์ ประธานสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิกของฮ่องกง กล่าวขอโทษต่อผู้โดยสารในวันนี้ กรณีที่มีการรั่วไหลของข้อมูลส่วนตัวผู้โดยสารราว 9.4 ล้านคน แต่เขาได้ปฏิเสธที่ว่าบริษัทได้พยายามปกปิดเรื่องดังกล่าว โดยมีการเปิดเผยเรื่องนี้หลังจากที่เกิดเหตุแล้วนานหลายเดือน
นายสโลซาร์ยืนยันว่า หากมีเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นในอนาคต ทางบริษัทก็จะทำการรีบเปิดเผย และรีบแจ้งต่อหน่วยงานของรัฐบาล
คาเธ่ย์ แปซิฟิกออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 25 ต.ค. ระบุว่า การรั่วไหลของข้อมูลดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิก และดรากอนแอร์ ซึ่งเป็นสายการบินในเครือ
แถลงการณ์ระบุว่า "ข้อมูลส่วนตัวของผู้โดยสารราว 9.4 ล้านคนถูกพบว่ามีการรั่วไหล อย่างไรก็ดี บริษัทยังไม่พบหลักฐานที่บ่งชี้ว่าข้อมูลเหล่านั้นถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด หรือส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของเที่ยวบิน"
ทั้งนี้ ข้อมูลที่รั่วไหลดังกล่าวรวมถึง ชื่อ, สัญชาติ, วันเกิด, หมายเลขหนังสือเดินทางและเลขประจำตัวประชาชน, อีเมลและที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์ และประวัติการเดินทางของผู้โดยสาร
แถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า หมายเลขหนังสือเดินทางของผู้โดยสารประมาณ 860,000 คน และเลขประจำตัวประชาชนของชาวฮ่องกงอีกราว 245,000 คน ถูกพบว่ามีการรั่วไหล รวมถึงมีหมายเลขบัตรเครดิตที่หมดอายุแล้วอีก 403 ใบ และบัตรเครดิตที่ไม่มีรหัส CVV ซึ่งเป็นรหัสหลังบัตรอีก 27 ใบ