ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ สั่งเลื่อนแผนการเดินทางเยือนต่างประเทศของนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงวันเดียวหลังจากที่นางเพโลซีได้ขอให้ปธน.ทรัมป์เลื่อนกำหนดการกล่าวแถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) ต่อสภาคองเกรส อันเนื่องจากปัญหาการปิดหน่วยงานรัฐบาล (ชัตดาวน์) ที่ยังคงยืดเยื้อในขณะนี้
"เนื่องจากปัญหาชัตดาวน์ ผมเสียใจที่จะต้องแจ้งให้คุณทราบว่า แผนการที่คุณจะเดินทางเยือนกรุงบรัสเซลส์ อียิปต์ และอัฟกานิสถาน ต้องถูกเลื่อนออกไป" ปธน.ทรัมป์กล่าวในจดหมายที่ส่งถึงนางเพโลซี ซึ่งถือเป็นการยกเลิกทริปเดินทางเยือนต่างประเทศในฐานะคณะผู้แทนสภาคองเกรส จากเดิมที่นางเพโลซีตั้งใจว่าจะเดินทางเยือนประเทศเหล่านี้เพื่อกระชับความสัมพันธ์"
"เราจะกำหนดแผนการเดินทางเยือนต่างประเทศระยะเวลา 7 วันของคุณใหม่อีกครั้ง เมื่อภาวะชัตดาวน์ยุติลง ผมมองว่า จะเป็นการดีกว่าหากคุณอยู่ในสหรัฐเพื่อเจรจากับผม และเข้าร่วมในแผนการรณรงค์เพื่อความปลอดภัยในพื้นที่ชายแดน เพื่อยุติภาวะชัตดาวน์" ทรัมป์กล่าว
อย่างไรก็ตาม จดหมายฉบับนี้ ทรัมป์ไม่ได้ระบุถึงกรณีที่นางเพโลซีได้ขอให้เขาเลื่อนกำหนดการกล่าวแถลงนโยบายประจำปี จากกำหนดการวันที่ 29 ม.ค.
ก่อนหน้านี้นางเพโลซีได้ส่งจดหมายไปยังปธน.ทรัมป์เพื่อขอให้ทรัมป์เลื่อนกำหนดการกล่าวแถลงนโยบายประจำปีต่อสภาคองเกรส อันเนื่องจากปัญหาชัตดาวน์ หรือมิฉะนั้น ก็ให้ส่งแต่เพียงคำแถลงเป็นลายลักษณ์อักษรต่อสภา โดยนางเพโลซีได้แสดงความกังวลในการรักษาความปลอดภัย เนื่องจากเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสืบราชการลับของสหรัฐ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ให้การอารักขาประธานาธิบดีในช่วงที่มีการกล่าวแถลงนโยบายประจำปีต่อสภาคองเกรส ได้ถูกพักงานอันเนื่องจากภาวะชัตดาวน์
ทั้งนี้ ภาวะชัตดาวน์หน่วยงานบางส่วนของรัฐบาลสหรัฐเริ่มต้นขึ้นนับตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา หลังจากที่สภาคองเกรสไม่เห็นชอบร่างกฎหมายงบประมาณก่อสร้างกำแพงกั้นระหว่างพรมแดนสหรัฐและเม็กซิโกมูลค่า 5.7 พันล้านดอลลาร์ที่เสนอโดยปธน.ทรัมป์ ส่งผลทำให้หน่วยงานจำนวนมากขาดแคลนงบประมาณในการดำเนินงานและต้องปิดตัวลงชั่วคราว