สำนักข่าวเกียวโดรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของแหล่งข่าวว่า รัฐบาลฝรั่งเศสได้เรียกร้องให้ญี่ปุ่นยอมรับการควบรวมกิจการระหว่าง บริษัท นิสสัน มอเตอร์ และบริษัท เรโนลต์ เอสเอ หลังจากที่นายคาร์ลอส กอส์น ประธานนิสสัน มอเตอร์ ถูกจับกุมตัวในข้อหาทำผิดกฎหมายการเงินของญี่ปุ่น
แหล่งข่าวระบุว่า ข้อเรียกร้องดังกล่าว ซึ่งเกิดในระหว่างการหารือร่วมกันของเจ้าหน้าที่จากทั้งสองฝ่ายที่กรุงโตเกียวนั้น สะท้อนถึงความต้องการของประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครอง แห่งฝรั่งเศส
ทั้งนี้ รัฐบาลฝรั่งเศสเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุดของเรโนลต์ ขณะที่เรโนลต์ถือหุ้นอยู่ในนิสสันเป็นจำนวนมากถึง 43.4%
ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น และปธน.มาครอง ได้หารือร่วมกันนอกรอบการประชุมสุดยอด G20 ที่กรุงบัวเนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดภายในกลุ่มพันธมิตรยานยนต์ระหว่างบริษัทเรโนลต์
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของญี่ปุ่นเผยสั้นๆ กับผู้สื่อข่าวหลังการพูดคุยระหว่างผู้นำทั้งสองว่า ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องถึงความสำคัญที่กลุ่มพันธมิตรเรโนลต์-นิสสัน-มิตซูบิชิ ควรรักษาความสัมพันธ์กันไว้ต่อไป โดยนายอาเบะกล่าวกับนายมาครองว่า เขาเชื่อว่าเป็นเรื่องสำคัญที่บริษัทรถยนต์ทั้งสามจะต้องคงความสัมพันธ์ที่มั่นคงไว้ พร้อมระบุว่า กลุ่มพันธมิตรถือเป็นสัญลักษณ์ของความร่วมมือทางอุตสาหกรรมระหว่างญี่ปุ่นและฝรั่งเศส
อย่างไรก็ดี ทางฝั่งนิสสันซึ่งถือหุ้นอยู่ในบริษัทเรโนลต์ราว 15% ดูเหมือนจะต้องการลดอิทธิพลของฝรั่งเศสในการบริหารและทบทวนสถานะความเป็นพันธมิตรให้เกิดความเป็นธรรมมากขึ้น
ทั้งนี้ นายกอส์นถูกจับกุมตัวเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายนปีที่แล้ว ในข้อหากระทำความผิดที่ชี้แจงรายได้ต่ำกว่าความเป็นจริงรวม 5 พันล้านเยนในช่วงระยะเวลา 5 ปี สิ้นสุดในปีงบประมาณ 2557 และถูกปลดออกจากตำแหน่งประธานบริษัท โดยข้อกล่าวหาล่าสุดของพนักงานอัยการครอบคลุมถึงการแจกแจงรายได้ต่ำกว่าความเป็นจริงจนถึงปี 2560