Roundup: ปากีสถานเชิญอินเดียร่วมโต๊ะเจรจาหาทางลดความตึงเครียด,ต่อต้านกลุ่มก่อการร้าย

ข่าวต่างประเทศ Thursday February 28, 2019 11:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอิมราน ข่าน นายกรัฐมนตรีปากีสถาน ได้เชิญนายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย เข้าร่วมการเจรจาเพื่อต่อต้านการก่อการร้าย และผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่างประเทศทั้งสอง

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายกรัฐมนตรีปากีสถานได้แถลงต่อประชาชนทั่วประเทศท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ หลังจากเกิดเหตุการฯ?โจมตีด้วยระเบิดฆ่าตัวตายครั้งล่าสุดในแคว้นแคชเมียร์ที่อินเดียควบคุมอยู่

"ทั้งสองประเทศไม่อาจคำนวณผิดพลาดได้เนื่องจากอาวุธที่เรามี ปากีสถานพร้อมที่จะเจรจาเพื่อต่อต้านการก่อการร้าย เรามานั่งโต๊ะเจรจาเพื่อหาทางแก้ไขปัญหา" นายข่านกล่าว หลังจากกองทัพปากีสถานเปิดเผยว่า กองทัพอากาศปากีสถานได้ยิงเครื่องบินรบ 2 ลำของอินเดียตกลงตามแนวเส้นควบคุม (LoC) ในแคว้นแคชเมียร์

นายกรัฐมนตรีข่านกล่าวว่า "ปากีสถานตอบโต้เพราะเหตุการณ์บังคับ" หลังจากเครื่องบินของอินเดียรุกล้ำเข้าสู่พื้นที่ในแคว้นแคชเมียร์ซึ่งควบคุมโดยปากีสถาน โดยยืนยันว่า ได้ยิงเครื่องบินรบ 2 ลำของอินเดียตกลงในแคว้นแคชเมียร์

"เราได้ควบคุมตัวนักบินอินเดียสองคนไว้ได้" นายกรัฐมนตรีข่านกล่าว ขณะที่เตือนอินเดียว่า มีการคำนวณผิดพลาดในสงครามครั้งก่อนๆ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้ตรรกะและความเฉลียวฉลาด

ปากีสถานปฏิเสธการมีส่วนร่วมใดๆ ในเหตุการณ์โจมตีด้วยระเบิดฆ่าตัวตาย และนายกรัฐมนตรีข่านสัญญาที่จะสอบสวนว่า อินเดียได้แบ่งปันหลักฐานที่น่าเชื่อถือได้หรือไม่

นายข่านเสนอความร่วมมืออีกครั้งเพื่อช่วยให้อินเดียสอบสวนเหตุโศกนาฏกรรมดังกล่าว โดยหวังว่าจะเกิด "ความรู้สึกที่ดีขึ้น" และทั้งสองประเทศจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาผ่านการเจรจา

ในวันเดียวกันนั้น รัฐมนตรีต่างประเทศของปากีสถานกล่าวว่า กองทัพของอินเดียได้เปิดฉากยิงไปที่ LoC เมื่อวันอังคารในเขตนิกิอัลและกุยรัตตะในฝั่งปากีสถานหลังเส้นควบคุม LoC ซึ่งส่งผลให้พลเรือน 4 คนเสียชีวิต

ในขณะเดียวกัน นายกอราฟ อาห์ลูวาเลีย รักษาการผู้บัญชาการทหารสูงสุดของอินเดียได้ถูกเรียกตัวไปยังกระทรวงการต่างประเทศเพื่อยื่นประท้วงอย่างเป็นทางการ และประณามการ "ละเมิดการหยุดยิงที่ไม่ได้รับอนุญาต" โดยกองทัพของอินเดีย

กองทัพปากีสถานกล่าวเมื่อวานนี้ว่า ปากีสถานไม่ต้องการเพิ่มความตึงเครียดกับอินเดีย และเรียกร้องให้อินเดียยอมรับ "ข้อเสนอสันติภาพ"

ทั้งนี้ ความตึงเครียดได้เพิ่มขึ้นระหว่างประเทศเพื่อนบ้านทั้งสอง หลังจากที่อินเดียอ้างว่าได้ทำการโจมตีทางอากาศในฝั่งปากีสถานหลังเส้น LoC เมื่อวันอังคาร และปากีสถานก็ระบุว่า ได้ยิงเครื่องบินรบสองลำของอินเดียตกลงในน่านฟ้าของปากีสถานเมื่อวานนี้

อินเดียยืนยันว่า ปากีสถานได้ยิงเครื่องบินรบ MiG-21 ลำหนึ่งตก และนักบินสูญหายไป ซึ่งทางปากีสถานอ้างว่า ได้ควบคุมตัวนักบินไว้ได้

อินเดียได้เชิญตัวนายซีเอ็ด ไฮเดอร์ ชาห์ กงสุลใหญ่ของปากีสถานในกรุงนิว เดลี และได้เรียกร้องการคุ้มครองความปลอดภัย และให้ส่งคืนตัวนักบินของกองทัพอากาศอินเดีย (IAF) อย่างปลอดภัยโดยเร็วที่สุด ซึ่งนักบินดังกล่าวถูกระบุว่าชื่อนายอภินันดาน วาร์ธาแมน ผู้บัญชาการกองบิน

"เป็นที่ชัดเจนว่าปากีสถานควรได้รับการแนะนำอย่างดีเพื่อให้แน่ใจว่า จะไม่มีอันตรายใดๆ เกิดขึ้นกับเจ้าหน้าที่ด้านกลาโหมของอินเดียภายใต้การดูแลของปากีสถาน นอกจากนี้ อินเดียยังคาดหวังว่า นักบินดังกล่าวจะได้รับการส่งตัวคืนกลับประเทศอย่างปลอดภัยในทันที"

พลเอกอาซิฟ กาฟูร์ ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของกองทัพปากีสถาน (ISPR) กล่าวในการแถลงข่าวว่า "อินเดียควรยอมรับข้อเสนอสันติภาพของเรา"

เขาได้เรียกร้องให้ประชาคมโลกมีบทบาทในการคลี่คลายสถานการณ์ที่รุนแรงขึ้นในปัจจุบัน เพื่อรักษาสันติภาพในภูมิภาค เนื่องจากปากีสถานไม่ต้องการผลักดันภูมิภาคไปสู่สงคราม

พลเอกกาฟูร์ได้บรรยายสรุปเกี่ยวกับสถานการณ์เมื่อวานนี้ โดยกองทัพปากีสถานระบุว่า กองทัพอากาศได้ยิงเครื่องบินรบของอินเดียสองลำตกในน่านฟ้าของปากีสถาน และกองกำลังภาคพื้นดินได้จับกุมตัวนักบินสองนายของเครื่องบินที่ถูกทำลาย

กระทรวงการต่างประเทศของปากีสถานระบุในแถลงการณ์ก่อนหน้านี้ว่า "ปากีสถานได้เข้าโจมตีเป้าหมายที่ไม่ใช่ทางทหารเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียของมนุษย์และความเสียหายของหลักประกัน โดยมีจุดประสงค์เพียงอย่างเดียวคือเพื่อแสดงให้เห็นถึงสิทธิ ความตั้งใจและความสามารถของเราในการป้องกันตนเอง"

กองทัพของปากีสถานยังได้ปฏิเสธรายงานของสื่ออินเดียว่า กองทัพอินเดียได้ยิงเครื่องบินรบ F-16 ของปากีสถานตกลำหนึ่ง

ส่วนอินเดียได้อ้างว่า กองทัพอากาศอินเดียได้ตั้งเป้าโจมตีทางอากาศไปที่ค่ายของกลุ่มจาอิช-อี-โมฮัมเหม็ดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งกลุ่มดังกล่าวได้ถูกกล่าวหาว่า ก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายเมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมาในแคว้นแคชเมียร์ที่ควบคุมโดยอินเดีย ซึ่งส่งผลให้มีประชาชนเสียชีวิต 40 ราย

ด้านโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของปากีสถานกล่าวว่า "เราไม่มีความตั้งใจที่จะเพิ่มระดับความรุนแรง แต่ก็พร้อมที่จะทำเช่นนั้น หากถูกบังคับให้เข้าสู่สถานการณ์นั้น นั่นคือเหตุผลที่เราดำเนินการเพื่อตักเตือนและกระทำในช่วงกลางวันแสกๆ"


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ