ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า เขาไม่มีปัญหากับการที่สหรัฐจะปรับเวลา daylight saving time เป็นการถาวร แทนที่จะต้องปรับนาฬิกา 2 ครั้งในแต่ละปี
ทั้งนี้ ชาวสหรัฐจะต้องปรับนาฬิกาให้เร็วขึ้น 1 ชั่วโมงตั้งแต่เวลา 02.00 น.ของวันอาทิตย์ที่สองของเดือนมี.ค. และปรับเวลาถอยหลัง 1 ชั่วโมงในวันอาทิตย์แรกของเดือนพ.ย.ตามกฎหมาย Uniform Time Act ปี 1966
อย่างไรก็ดี การปรับเวลาดังกล่าวได้สร้างความสับสน และทำให้เกิดกระแสต่อต้านจากชาวสหรัฐบางกลุ่ม ซึ่งเสนอว่าควรมีการคงเวลาในช่วงฤดูร้อนเป็นการถาวร แต่ผู้ที่สนับสนุนการปรับเวลา 2 ครั้งในแต่ละปีได้เตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงที่จะเกิดจากความมืดในช่วงเช้าของฤดูหนาวสำหรับผู้ที่ต้องไปโรงเรียน ถ้าหากมีการใช้เวลาช่วงฤดูร้อนเป็นการถาวรตลอดปี
แนวคิดของชาวสหรัฐในการยกเลิกการปรับนาฬิกา 2 ครั้งในแต่ละปี สอดคล้องกับทางยุโรป
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการของรัฐสภายุโรปมีมติอนุมัติให้มีการยกเลิกการใช้มาตรการ daylight saving time ในยุโรปเมื่อวันที่ 4 มี.ค. แต่ให้มีการเลื่อนการยกเลิกมาตรการดังกล่าวออกไปอีก 2 ปีเป็นปี 2564
นายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (EU) ได้ผลักดันข้อเสนอของเขาในปีที่แล้ว ซึ่งกำหนดให้มีการยกเลิกมาตรการ daylight saving time ในปีนี้ ซึ่งข้อเสนอของเขาได้รับการสนับสนุนจากชาวยุโรปราว 3.8 ล้านคน
ชาวยุโรป 4.6 ล้านคน จากทั้งหมด 510 ล้านคนที่อาศัยอยู่ใน EU ได้เข้าร่วมการสำรวจของ EC โดย 84% สนับสนุนให้ยกเลิกมาตรการ daylight saving time ซึ่งที่ผ่านมาทำให้ชาวยุโรปต้องปรับนาฬิกาให้เร็วขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ และปรับเวลากลับในช่วงฤดูใบไม้ร่วงในทุกๆปี
หลังจากที่คณะกรรมาธิการของรัฐสภายุโรปมีมติอนุมัติให้มีการยกเลิกการใช้มาตรการ daylight saving time ในขั้นต่อไป รัฐสภายุโรปเต็มคณะจะต้องจัดการลงมติให้การรับรองมติของคณะกรรมาธิการดังกล่าว เพื่อให้มติดังกล่าวมีผลบังคับใช้
ปัจจุบัน ประเทศสมาชิก EU จะต้องปรับนาฬิกาให้เร็วขึ้นในวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนมี.ค. และปรับเวลากลับในวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนต.ค.