นายสก็อตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียได้ขู่ลงโทษบรรดาบริษัทสื่อโซเชียลยักษใหญ่อย่างรุนแรง หากไม่สามารถกำจัดคอนเทนต์ของผู้ก่อการร้ายที่ปรากฏอยู่บนแพล็ตฟอร์ม
นายมอร์ริสันได้ร่วมประชุมกับผู้บริหารจากเฟซบุ๊ก กูเกิล และทวิตเตอร์ในวันนี้ เพื่อหารือถึงการรับมือกับเหตุการณ์โจมตีมัสยิดในเมืองไคร์สเชิร์ชของนิวซีแลนด์ และได้เปิดเผยถึงกฎหมายที่อาจลงโทษจำคุกผู้บริหารบริษัทสื่อสังคมออนไลน์ หากปล่อยให้คอนเทนต์ของผู้ก่อการร้ายเผยแพร่อยู่ในแพลตฟอร์มของพวกเขา
"เราจำเป็นต้องป้องกันไม่ให้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียถูกติดอาวุธด้วยคอนเทนต์ที่น่ากลัว" นายมอร์ริสันระบุในแถลงการณ์เมื่อคืนนี้
"หากบริษัทโซเชียลมีเดียล้มเหลวในการแสดงความตั้งใจที่จะทำการเปลี่ยนแปลงในทันที เพื่อป้องกันการใช้แพลตฟอร์มของพวกเขาเช่นเดียวกับที่มีการอัดคลิปและแชร์โดยผู้กระทำความผิดร้ายแรงในไคร์สเชิร์ช เราก็จะดำเนินการ"
การควบคุมโซเชียลมีเดียได้กลายเป็นภารกิจอันดับแรกสำหรับนายมอร์ริสัน เนื่องจากการโจมตีที่ไคร์สเชิร์ชได้ถูกไลฟ์สดบนเฟซบุ๊ก และแชร์บนยูทูป
เฟซบุ๊กได้เปิดเผยว่า ทางบริษัทได้ลบการอัพโหลดวิดีโอ 1.5 ล้านรายการแยกต่างหากภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากการโจมตีดังกล่าว โดยคลิปต้นฉบับยังคงอยู่บนเฟซบุ๊กเป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง และมีการดูมากกว่า 4,000 ครั้ง ขณะที่ยูทูประบุว่าได้ทำการลบคอนเทนต์ดังกล่าวออกไปจำนวนมาก
ภายใต้กฏหมายที่นายมอร์ริสันเสนอนั้น หากบริษัทโซเชียลมีเดียไม่ยอมลบคลิปวิดีโอที่รุนแรงโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้หลังจากที่มีการโพสต์บนแพล็ตฟอร์ม ก็จะถือเป็นการกระทำผิดทางอาญา และหากไม่สามารถลบคลิปวิดีโอที่ทางการจัดให้อยู่ในหมวดหมู่ "เนื้อหาความรุนแรงที่น่ารังเกียจ" อย่างรวดเร็ว ก็จะถือเป็นความผิดด้วย
ทั้งนี้ หากพบว่ามีการฝ่าฝืนกฎหมายใหม่ดังกล่าว ผู้บริหารของบริษัทโซเชียลมีเดียก็อาจจะเผชิญกับบทลงโทษที่รุนแรง รวมถึงการถูกจำคุก ในขณะที่บริษัทเองก็จะถูกลงโทษด้วยเช่นกัน
นายมอร์ริสันจะเข้าร่วมการประชุมกับนายคริสเตียน พอร์เตอร์ รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม นายปีเตอร์ ดัตตัน รัฐมนตรีกระทรวงกิจการภายใน และนายมิทช์ ไฟพิลด์ รมว.การสื่อสาร ซึ่งกล่าวว่า รัฐบาลต้องการความมุ่งมั่นจากบริษัทสื่อโซเชียลเพื่อต่อสู้กับ"วัสดุก่อการร้าย"
"รัฐบาลคาดหวังว่า จะมีความมุ่งมั่นในการป้องกัน การตรวจจับ การปิดกั้น และการกำจัดวัสดุก่อการร้ายที่มีความรุนแรง" นายไฟฟิลด์กล่าวกับนิวส์ คอร์ป ออสเตรเลีย
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า หลังจากเกิดเหตุโจมตีที่เมืองไคร์สเชิร์ชได้ไม่นาน นายมอร์ริสันได้ขอให้ประเทศกลุ่ม G20 จัดลำดับความสำคัญในการหารือเรื่องการควบคุมโซเชียลมีเดียในการประชุมในเดือนมิ.ย.นี้ โดยระบุว่า "การปฏิบัติต่ออินเทอร์เน็ตในฐานะพื้นที่ที่ไม่ได้รับการควบคุมนั้น เป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้"
"จำเป็นอย่างยิ่งที่ประชาคมโลกจะต้องทำงานร่วมกันเพื่อให้แน่ใจว่า บริษัทด้านเทคโนโลยีจะปฏิบัติตามพันธกรณีทางศีลธรรมในการปกป้องชุมชนที่พวกเขาให้บริการและแสวงหากำไร" เขาเขียนในจดหมายถึงนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นและประธานกลุ่ม G20
การรณรงค์ของนายมอร์ริสันเพื่อจัดการกับแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์นั้นได้รับการสนับสนุนโดยนายบิล ชอร์ทเทน ผู้นำฝ่ายค้านพรรคแรงงานออสเตรเลีย (ALP) ซึ่งเขียนคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์เฮอร์รัลด์ ซันของเมลเบิร์นเมื่อต้นเดือนมี.ค.ว่า ยักษ์ใหญ่ในวงการโซเชียลมีเดีย ไม่สามารถละเลยจากการกระทำใดๆ ในแพลตฟอร์มของพวกเขา
"สื่อสังคมออนไลน์และอินเทอร์เน็ตเป็นพัฒนาการที่ยอดเยี่ยม ทำให้เราสามารถสัมผัสกับความคิดต่างๆ เพื่อเชื่อมต่อ เรียนรู้ และทำลายความโดดเดี่ยว" เขาระบุ แต่แพลตฟอร์มสื่อขนาดใหญ่ก็มีภาระหน้าที่ในการตรวจสอบและป้องกันคำพูดที่แสดงถึงความเกลียดชัง
"ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่พวกเขา เช่นเดียวกับสื่อของเรา จะต้องหาทางป้องกันไม่ให้สิ่งที่อันตรายและไม่เหมาะสมถูกเผยแพร่ออกไปก่อนที่จะมีโอกาสก่อให้เกิดอันตราย"