นายเดนนิส มุยเลนเบิร์ก ซีอีโอของโบอิ้งเปิดเผยว่า โบอิ้งวางแผนที่จะลดการผลิตเครื่องบินโบอิ้งรุ่น 737 โดยจะเริ่มตั้งแต่กลางเดือนนี้ เพื่อที่จะให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกกับการปรับปรุงระบบซอฟท์แวร์ของเครื่องบินรุ่น 737 MAX ที่ถูกสั่งห้ามบินทั่วโลก
นายมุยเลนเบิร์กกล่าวว่า โบอิ้งจะปรับลดการผลิตเครื่องบิน 737 ลงชั่วคราวจาก 52 ลำต่อเดือน เป็น 42 ลำ ต่อเดือน โดยจะเริ่มตั้งแต่กลางเดือนเม.ย.นี้ เพื่อจะทุ่มเททรัพยากรไปที่การปรับปรุงซอฟท์แวร์เพื่อให้เครื่องรุ่น MAX ได้กลับขึ้นบินอีกครั้ง
นายมุยเลนเบิร์กเปิดเผยว่า โบอิ้งรู้สึก "เสียใจที่มีผู้เสียชีวิต" หลังเกิดเหตุเครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX 8 ประสบอุบัติเหตุตกถึง 2 ครั้ง ขณะเดียวกัน เขาก็ได้ออกมายอมรับเป็นครั้งแรกว่า ข้อมูลที่มีปัญหานั้น อาจมีส่วนทำให้เกิดอุบัติเหตุดังกล่าว
ซีอีโอของโบอิ้งกล่าวหลังทางการเอธิโอเปียได้เปิดเผยผลการสืบสวนเบื้องต้นว่า "โบอิ้งรู้สึกเสียใจที่มีผู้เสียชีวิตในอุบัติเหตุเครื่องบิน 737 เมื่อไม่นานมานี้ และขณะนี้บริษัทกำลังทุ่มเทอย่างไม่ลดละในเรื่องความปลอดภัย เพื่อไม่ให้โศกนาฏกรรมเช่นนี้เกิดขึ้นอีก"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา เครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX 8 เที่ยวบิน ET 302 ของสายการบินเอธิโอเปียนแอร์ไลน์ ประสบอุบัติเหตุตกหลังจากขึ้นบินได้เพียง 6 นาที จนทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 157 ราย โดยเครื่องบินดังกล่าวเป็นรุ่นเดียวกับของสายการบินไลอ้อนแอร์ ซึ่งตกเมื่อเดือนต.ค.ปีที่แล้ว และคร่าชีวิตผู้โดยสารทั้งหมด 189 ราย
ด้านสำนักงานสืบสวนอุบัติเหตุของเอธิโอเปีย (AIB) ได้เผยแพร่รายงานการสืบสวนเบื้องต้นของเหตุเที่ยวบิน ET 302 ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ในเที่ยวบินทั้งสองนั้น ระบบของเครื่องบินได้เปิดใช้งานฟังก์ชัน Maneuvering Characteristics Augmentation System (MCAS) ขึ้น เพื่อตอบสนองต่อข้อมูลเซ็นเซอร์ Angle of Attack (AOA) ที่ผิดพลาด
รายงานระบุว่า นักบินทำตามขั้นตอนที่กำหนดของโบอิ้ง แต่ไม่สามารถควบคุมเครื่องบินได้ แสดงให้เห็นว่าปัญหาอยู่ที่ระบบควบคุมการบินของเครื่องบิน