นายวอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน กล่าวว่า ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่กำลังทวีความรุนแรงมากขึ้น จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อทั้งโลก
"ถ้าเกิดสงครามการค้าขึ้นมาจริงๆ ก็จะเป็นสิ่งที่แย่สำหรับทั้งโลก และอาจจะแย่มาก โดยขึ้นอยู่กับขอบเขตการทำสงคราม" นายบัฟเฟตต์กล่าว
อย่างไรก็ดี นายบัฟเฟตต์ปฏิเสธที่จะคาดการณ์ผลการเจรจาการค้า หรือประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะทำตามคำขู่ขึ้นภาษีต่อสินค้าจีนหรือไม่
"สำหรับคนบางคน เทคนิคที่ดีที่สุดคือการแกล้งบ้า" นายบัฟเฟตต์กล่าว และเสริมว่า คนที่แตกต่างกันจะใช้แนวทางการเจรจาที่ไม่เหมือนกัน
นายบัฟเฟตต์กล่าวว่า เขามีแนวทางการเจรจาที่แตกต่างจากที่ปธน.ทรัมป์ใช้ในการเจรจาการค้ากับจีน
"ผมเพียงแต่พูดว่าผมจะทำอะไร และผมจะไม่ทำอย่างอื่นอีก แล้วคนอื่นก็จะรู้ดีว่าผมหมายความว่าอะไร" เขากล่าว
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ขู่ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% ในวันศุกร์นี้ จากเดิมที่ระดับ 10% เนื่องจากการเจรจาการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ มีความคืบหน้า "ช้าเกินไป"
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังระบุว่า จะมีการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนวงเงินอีก 3.25 แสนล้านดอลลาร์ในอัตรา 25% ในไม่ช้าเช่นกัน
รายงานข่าวระบุว่า ปธน.ทรัมป์ขู่เรียกเก็บภาษีดังกล่าวเพื่อเพิ่มแรงกดดันต่อการเจรจาการค้ากับจีน โดยหวังให้สงครามการค้าที่ยืดเยื้อมานานยุติลง
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่สหรัฐและจีนมีกำหนดกลับมาเจรจาการค้าอีกครั้งในวันพุธนี้ที่กรุงวอชิงตัน หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้เจรจาร่วมกันครั้งล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาที่กรุงปักกิ่งของจีน
ถึงแม้ปธน.ทรัมป์ขู่ขึ้นภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีน แต่จีนก็ยังคงยืนยันเดินหน้าการเจรจาการค้ากับสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยนายเกิง ชวง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า จีนเตรียมส่งคณะผู้แทนไปยังสหรัฐเพื่อเจรจาการค้า อย่างไรก็ดี ยังไม่มีการยืนยันว่านายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งเป็นแกนนำคนสำคัญในการเจรจาการค้ากับสหรัฐ จะเดินทางไปกับคณะผู้แทนดังกล่าวหรือไม่
ก่อนหน้านี้ หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวระบุว่า รัฐบาลจีนกำลังพิจารณายกเลิกการเจรจาการค้ากับสหรัฐที่เดิมมีกำหนดในสัปดาห์นี้ หลังปธน.ทรัมป์ขู่ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25%