ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความในวันนี้ ตอบโต้หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส ซึ่งเปิดเผยว่า ปธน.ทรัมป์ประสบภาวะขาดทุนมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์จากการทำธุรกิจในปี 2528-2537
"คุณต้องการแสดงตัวเลขขาดทุนเพื่อผลประโยชน์ทางด้านภาษี ซึ่งนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มักทำกัน และมักใช้ในการเจรจาต่อรองกับธนาคาร" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังระบุว่า นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ใน 30 ปีก่อน สามารถทำการตัดมูลค่าทางบัญชี และค่าเสื่อม ซึ่งจะทำให้ปรากฎเป็นตัวเลขขาดทุนในกรณีส่วนใหญ่ โดยไม่เกี่ยวข้องกับสถานะการเงิน และถือเป็นกลยุทธ์ในการหลบเลี่ยงภาษี
ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สเปิดเผยว่า ปธน.ทรัมป์ประสบภาวะขาดทุนมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์จากการทำธุรกิจในปี 2528-2537
นอกจากนี้ นิวยอร์กไทม์สยังระบุว่า ปธน.ทรัมป์ขาดทุนมากกว่า 250 ล้านดอลลาร์ทั้งในปี 2533 และ 2534
อย่างไรก็ดี การที่ปธน.ทรัมป์ขาดทุนเป็นจำนวนมากดังกล่าว ทำให้เขาไม่ต้องเสียภาษีเป็นเวลาถึง 8 ปี
นอกจากนี้ นิวยอร์กไทม์สยังเปิดเผยว่า ธุรกิจหลักของปธน.ทรัมป์ ซึ่งรวมถึงกาสิโน โรงแรม และอพาร์ทเมนท์ มีตัวเลขขาดทุน 1.17 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเวลา 10 ปี
พรรคเดโมแครตในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้เรียกร้องให้กรมสรรพากรสหรัฐเปิดเผยแบบแสดงการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีเงินได้นิติบุคคลของปธน.ทรัมป์ย้อนหลังเป็นเวลา 6 ปีแก่สภาคองเกรส เพื่อทำการสอบสวนกรณีผลประโยชน์ทับซ้อนจากการทำธุรกิจของปธน.ทรัมป์ และการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐ
ปธน.ทรัมป์ยืนยันว่า เขาจะไม่เปิดเผยแบบแสดงการเสียภาษีของเขาต่อสาธารณชน เนื่องจากกำลังได้รับการตรวจสอบจากกรมสรรพากร
นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ กล่าวว่า เขาจะไม่อนุญาตให้กรมสรรพากรสหรัฐทำการเปิดเผยแบบแสดงการเสียภาษีของปธน.ทรัมป์แก่สภาคองเกรส
ท่าทีของนายมนูชินสอดคล้องกับนายมิค มัลวานีย์ หัวหน้าคณะทำงานประจำทำเนียบขาว ซึ่งกล่าวก่อนหน้านี้ว่า สภาคองเกรสจะไม่มีทางได้รับแบบแสดงการเสียภาษีของปธน.ทรัมป์
ทั้งนี้ ในหนังสือที่ส่งไปยังนายริชาร์ด นีล ประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาวิธีการจัดหารายได้ของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ นายมนูชินระบุว่า หลังจากที่ได้มีการหารือกับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ เขาได้ตัดสินใจว่าคำร้องจากทางคณะกรรมาธิการฯที่ต้องการให้มีการเปิดเผยแบบแสดงการเสียภาษีของปธน.ทรัมป์ เป็นคำร้องที่ขาดความชอบธรรมทางกฎหมาย ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงไม่สามารถปฏิบัติตามคำร้องดังกล่าวได้
นายมนูชินระบุว่า คำร้องดังกล่าวอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญสหรัฐ และอาจมีผลกระทบต่อผู้เสียภาษีทุกคนในสหรัฐ