นักวิเคราะห์จากเจพีมอร์แกน และมอร์แกน สแตนลีย์กล่าวว่า ไม่มีแนวโน้มที่สหรัฐและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าในการประชุม G20 ที่ญี่ปุ่นในเดือนนี้
"ความเห็นส่วนตัวของผมคือ ไม่มีการทำข้อตกลงในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งถ้าคุณดูจุดยืนของสหรัฐยังคงก้าวร้าวมาก ไม่เพียงแต่มาจากประธานาธิบดี แต่ยังรวมถึงเจ้าหน้าที่ทุกคนในรัฐบาล จึงทำให้เป็นเรื่องยากที่จะบรรลุข้อตกลงการค้าในระยะสั้น" นายเจมส์ ซัลลิแวน หัวหน้าฝ่ายวิจัยหุ้นของเจพีมอร์แกน กล่าว
ทางด้านนายโจนาธาน การ์เนอร์ นักวิเคราะห์ตลาดเกิดใหม่ของมอร์แกน สแตนลีย์ กล่าวเช่นกันว่า เขามองว่ามีโอกาสสูงที่จะไม่มีการทำข้อตกลงการค้าในการประชุม G20
นายการ์เนอร์ยังระบุว่า ทั้งสหรัฐและจีนจะได้รับผลกระทบ หากการทำสงครามการค้ามีความรุนแรงขึ้น ซึ่งจะทำให้ธนาคารกลางของทั้งสองประเทศผ่อนคลายนโยบายการเงิน
มอร์แกน สแตนลีย์ยังระบุว่า หากสหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าทั้งหมดจากจีน สหรัฐก็จะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยภายในเวลา 3 ไตรมาส
ส่วนนายซัลลิแวนเตือนว่า ความไม่แน่นอนของการทำสงครามการค้าจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อการใช้จ่าย และความสามารถในการทำกำไรของภาคธุรกิจทั่วโลก
ทั้งนี้ นายหวัง โส่วเหวิน รมช.พาณิชย์จีน กล่าวว่า สหรัฐจะไม่สามารถใช้แรงกดดันมาบีบบังคับให้จีนทำข้อตกลงการค้า
"สหรัฐพูดจากลับกลอกไปมา เมื่อพวกเขาได้คืบ ก็จะเอาศอก" นายหวังกล่าว
นอกจากนี้ นายหวังยังปฏิเสธที่จะกล่าวว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงจะพบปะกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์นอกรอบการประชุม G20 ที่ญี่ปุ่นในเดือนนี้เพื่อเจรจาคลี่คลายความขัดแย้งทางการค้าหรือไม่
นายหวังกล่าวแต่เพียงว่า จีนจะส่งผู้แทนเข้าประชุมสุดยอด G20
การประชุมสุดยอด G20 จะมีขึ้นที่นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น ในวันที่ 28-29 มิ.ย.
ทั้งนี้ กลุ่ม G20 ประกอบด้วย อาร์เจนตินา ออสเตรเลีย บราซิล สหราชอาณาจักร แคนาดา จีน ฝรั่งเศส เยอรมนี อินเดีย อินโดนีเซีย อิตาลี ญี่ปุ่น เม็กซิโก รัสเซีย ซาอุดีอาระเบีย แอฟริกาใต้ เกาหลีใต้ ตุรกี สหรัฐ และสหภาพยุโรป
การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนประสบความล้มเหลวในเดือนที่แล้ว โดยที่ประชุมไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้า ขณะที่สหรัฐได้เพิ่มการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิมที่ระดับ 10% ส่งผลให้จีนทำการตอบโต้ ด้วยการเพิ่มการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิมที่ระดับ 10% โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มิ.ย.
นอกจากนี้ สหรัฐได้ขึ้นบัญชีดำบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ ทำให้บริษัทไม่สามารถซื้อสินค้าจากสหรัฐ และสหรัฐยังได้เตรียมพิจารณาเพิ่มบัญชีรายชื่อบริษัทจีนที่จะถูกขึ้นบัญชีดำ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กำลังพิจารณาที่จะขึ้นบัญชีดำบริษัทจำหน่ายกล้องวงจรปิดรายใหญ่ 5 รายของจีน ซึ่งรวมถึงบริษัท Hikvision Digital Technology และ บริษัท Dahua Technology ด้วยข้อหากระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชน