นายอันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ ประธานาธิบดีเม็กซิโก กล่าวว่า เขามีความหวังอย่างมากว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐได้ก่อนวันที่ 10 มิ.ย. ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐขีดเส้นตายไว้ว่าจะเริ่มเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกเพิ่ม
นายโลเปซ โอบราดอร์ กล่าวระหว่างแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในวันนี้ว่า "เราจะไม่เข้าไปมีส่วนร่วมในการเผชิญหน้า เราคิดว่าสามารถบรรลุข้อตกลงกับรัฐบาลสหรัฐได้" พร้อมเสริมว่า การติดต่อและสื่อสารกับเจ้าหน้าที่สหรัฐเพื่อบรรลุข้อตกลงดังกล่าวได้เริ่มขึ้นแล้ว
ทั้งนี้ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์ ได้ประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าทั้งหมดจากเม็กซิโก ในอัตรา 5% โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย. และจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนแตะระดับ 25% ในวันที่ 1 ต.ค. ถ้าเม็กซิโกไม่สามารถสกัดการหลั่งไหลของผู้อพยพผิดกฎหมายที่ข้ามพรมแดนเข้าสู่สหรัฐ
นายโลเปซ โอบราดอร์กล่าวว่า "เราจะพยายามหาทางแก้ไขความขัดแย้งผ่านการพูดคุยเสมอ เราจะมองหาทางออกด้วยสันติวิธี และในประเด็นนี้นั้น เรายืนยันมาตลอดว่าต้องมีการส่งเสริมการร่วมมือเพื่อการพัฒนา"
นายโลเปซ โอบราดอร์กล่าวว่า หอการค้าสหรัฐ รวมถึงกลุ่มผู้ว่าการรัฐที่ติดกับชายแดนเม็กซิโก ได้กล่าวสนับสนุนการค้าเสรีและให้รักษาความสัมพันธ์ทางการค้าอันดีกับเม็กซิโกไว้
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เม็กซิโกได้ส่งทีมเจรจาระดับสูงไปยังสหรัฐ นำโดยนายมาร์เซโล เอ็บราร์ด รัฐมนตรีต่างประเทศของเม็กซิโก และกราซิเอลา มาเกวซ รัฐมนตรีเศรษฐกิจ เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างทั้งสองประเทศ