บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ เปิดเผยว่า บริษัทมีสัญญาบริการในเชิงพาณิชย์สำหรับระบบ 5G อยู่ในมือมากกว่า 50 สัญญา แม้ต้องเผชิญความท้าทายจากการถูกบล็อคในตลาดสำคัญ ๆ รวมถึงแรงกดดันจากสหรัฐมาอย่างต่อเนื่อง
ตัวเลขดังกล่าว ซึ่งเป็นข้อมูลล่าสุดที่หัวเว่ยเผยแพร่ต่อสาธารณะนั้น ส่งผลให้หัวเว่ยกลายมาเป็นอันดับ 1 ในแง่ของการถือครองสัญญาให้บริการ 5G แซงหน้าคู่แข่งอย่าง โนเกียและอีริคสัน ซึ่งจากข้อมูลพบว่ามีสัญญาให้บริการ 5G กับผู้ให้บริการเครือข่ายในประเทศต่างๆอยู่ 45 และ 25 สัญญา ตามลำดับ
ทั้งนี้ หัวเว่ยกำลังเผชิญกับแรงกดดันหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติเพื่อห้ามบริษัทของสหรัฐจากการใช้เทคโนโลยีและบริการด้านการสื่อสารโทรคมนาคมของบริษัทที่สหรัฐเชื่อว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศ แม้ว่าทรัมป์จะไม่ได้เอ่ยชื่อหัวเว่ยออกมาตรง ๆ แต่ก็เป็นที่รู้ดีกันว่าการดำเนินการดังกล่าวพุ่งเป้ามายังหัวเว่ยอย่างชัดเจน จนทำให้สำนักงานอุตสาหกรรมและความมั่นคง (BIS) ในสังกัดกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ขึ้นบัญชีดำหัวเว่ย และบริษัทในเครืออีก 70 แห่งไว้ใน "Entity List" ซึ่งเป็นบัญชีรายชื่อบริษัทด้านสื่อสารโทรคมนาคมที่ถูกสั่งห้ามไม่ให้บริษัทของสหรัฐเข้าซื้ออุปกรณ์ต่างๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐ
นอกจากนี้ สหรัฐยังได้พยายามกดดันให้ชาติพันธมิตรเลิกใช้เทคโนโลยีของหัวเว่ยด้วย