นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ พุ่งเป้าไปที่อิหร่านว่าเป็นผู้ก่อเหตุใช้โดรนโจมตีโรงกลั่นน้ำมันสองแห่งของบริษัทซาอุดี อารามโค ทางตะวันออกของซาอุดีอาระเบีย
"ท่ามกลางการเรียกร้องเรื่องการลดความรุนแรง อิหร่านกลับเปิดการโจมตีแหล่งพลังงานของโลกอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน" นายปอมเปโอกล่าวผ่านทางทวิตเตอร์ เมื่อช่วงบ่ายวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ
"ไม่มีหลักฐานว่า การโจมตีมาจากเยเมน" รมว.ต่างประเทศสหรัฐกล่าว
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การทวีตข้อความของนายปอมเปโอมีขึ้นหลังจากที่กลุ่มกบฏฮูตีได้ออกมาอ้างว่าอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีโรงกลั่นซาอุฯด้วยโดรน
ขณะเดียวกัน ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน อัล ซาอุด มกุฎราชกุมารของซาอุดีอาระเบีย เพื่อหารือเกี่ยวกับเหตุการณ์โจมตีและการป้องกันตนเองของซาอุฯ
"รัฐบาลสหรัฐกำลังติดตามสถานการณ์นี้" ทำเนียบขาวระบุในแถลงการณ์
กระทรวงมหาดไทยของซาอุฯ ประกาศในวันเสาร์ว่า เกิดเหตุโจมตีโรงกลั่นน้ำมันสองแห่งในเขต Abqaiq และ Khurais ด้วยโดรนจนเป็นเหตุให้เพลิงลุกไหม้
โฆษกกระทรวงมหาดไทยของซาอุดีอาระเบียเปิดเผยว่า การโจมตีของโดรนที่โรงงานสองแห่งของบริษัทซาอุดี อารามโค ที่แหล่งผลิตน้ำมัน Abqaiq และ Khurais นั้น ได้ทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้ แต่ทางบริษัทสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว โดยทางกระทรวงไม่ได้เปิดเผยถึงแหล่งที่มาของโดรนดังกล่าว
สำหรับแหล่งน้ำมัน Abqaiq ซึ่งอยู่ห่างจากเมือง Dhahran ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 60 กม.ใน Eastern Province ของซาอุดีอาระเบียนั้น ประกอบด้วยโรงงานแปรรูปน้ำมันขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ขณะที่แหล่งน้ำมัน Khurais ซึ่งอยู่ห่างออกไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 190 กม.นั้นเป็นแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของซาอุดีอาระเบีย
ทั้งนี้ มีความตึงเครียดเพิ่มสูงขึ้นในภูมิภาค หลังจากในเดือนมิ.ย.และก.ค.ที่ผ่านมา มีการโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันในน่านน้ำอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งซาอุดีอาระเบียและสหรัฐระบุว่าเป็นฝีมือของอิหร่าน แต่อิหร่านปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว