รายงานโดยสมาชิกสภาคองเกรสจากพรรคเดโมแครตเผยให้เห็นว่า ความรุนแรงจากอาวุธปืนได้สร้างความเสียหายให้กับสหรัฐถึงปีละ 2.29 แสนล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 1.4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า รายงานชิ้นดังกล่าวใช้ข้อมูลจากศูนย์กฎหมายกิฟฟอร์ดเพื่อป้องกันเหตุรุนแรงจากอาวุธปืน และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (CDC) เพื่อวิเคราะห์มูลค่าความเสียหายที่เกิดจากอาวุธปืนในแต่ละรัฐ
รายงานระบุว่า การสูญเสียรายได้เป็นความเสียหายที่รุนแรงที่สุดต่อเศรษฐกิจของประเทศ ขณะที่ค่าใช้จ่ายสำคัญอื่น ๆ ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายของนายจ้าง ตำรวจและกระบวนการยุติธรรม และการรักษาผู้ประสบเหตุ
รัฐชนบท เช่น มิสซิสซิปปี และ อลาบามา มีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับมาตรการความรุนแรงจากอาวุธปืนในสัดส่วนที่สูงที่สุดของจีดีพีของรัฐ
รัฐที่มีอัตราผู้ครอบครองปืนสูง เช่น อลาสกา และ อาร์คันซอ มีอัตราการฆ่าตัวตายด้วยอาวุธปืนสูงที่สุด นอกจากนี้ อลาสกายังมีอัตราการเสียชีวิตจากปืนโดยรวมต่อหัวสูงที่สุดในทั้ง 50 รัฐ
รายงานยังแสดงให้เห็นด้วยว่า เด็กและวัยรุ่นสหรัฐมีความเสี่ยงต่อการได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอาวุธปืนสูงกว่าเมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้วประเทศอื่น ๆ
"สหรัฐมีเหตุรุนแรงจากปืนสูงมาก" แคโรลิน มาโลนีย์ ส.ส.นิวยอร์กจากพรรคเดโมแครต กล่าว "มูลค่าความเสียหายต่อมนุษย์นั้นเหนือกว่าความสามารถที่เราจะทราบและครอบคลุมถึงได้ มันเป็นโศกนาฏกรรม น่าสะอิดสะเอียน และมันเป็นวิกฤติ"
รายงานดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่มีรายงานว่าทำเนียบขาวได้ส่งบันทึกข้อความไปยังรัฐสภา เพื่อชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับความเป็นไปได้เรื่องการขยายการตรวจสอบประวัติการขายปืน