นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้วิพากษ์วิจารณ์การโจมตีแหล่งผลิตน้ำมันในซาอุดีอาระเบียในช่วงที่ผ่านมาว่าเป็น "อาชญากรรมที่น่ารังเกียจอย่างยิ่ง" อย่างไรก็ดี นายอาเบะไม่ได้เข้าร่วมกับประเทศอื่นๆ ในการระบุว่า อิหร่านต้องรับผิดชอบกับการโจมตีดังกล่าวซึ่งสร้างความตึงเครียดในตะวันออกกลาง
ในการกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UN) นายอาเบะได้แสดงถึงความพยายามที่จะรักษาสมดุลที่ละเอียดอ่อน โดยแสดงให้เห็นว่า ญี่ปุ่นปรารถนาที่จะรักษาความสัมพันธ์ที่เป็นมิตรกับอิหร่านในระยะยาวขณะที่เผชิญกับแรงกดดันของสหรัฐ ในขณะที่ก็ได้ประนามปฏิบัติการโจมตีทางทหารต่อเป้าหมายในซาอุดีอาระเบียเมื่อวันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมา
"การโจมตีโรงงานผลิตน้ำมันดิบของซาอุดิอาระเบียเป็นอาชญากรรมที่น่ารังเกียจอย่างยิ่ง ซึ่งถือเป็นการจับตัวประกันทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ" นายอาเบะกล่าว
อิหร่านเป็นจุดสนใจในขณะที่ผู้นำระดับโลกร่วมประชุมสมัชชาใหญ่ในนิวยอร์กเพื่อผลักดันทางการทูต ท่ามกลางความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นว่าจะเกิดการปะทะกันทางทหารในอ่าวเปอร์เซีย
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ได้ใช้การปราศรัยในปีนี้เพื่อตำหนิอิหร่านสำหรับการโจมตีซาอุดีอาระเบียในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่สหรัฐยังคงกดดันอิหร่านหลังจากสหรัฐถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ในปี 2558 ขณะที่อังกฤษ, ฝรั่งเศส และเยอรมนี ก็ระบุเช่นกันว่า การโจมตีดังกล่าวเป็นฝีมือของอิหร่าน
ทางด้านอิหร่านนั้นได้ปฏิเสธการมีส่วนใดๆ ในการโจมตีดังกล่าว ซึ่งกลุ่มกบฏฮูตีของเยเมนได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบในทันที