เฟซบุ๊ก อิงค์ บริษัทโซเซียลมีเดียยักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกัน ออกโรงเตือนรัฐบาลสหรัฐว่า การสกัดแผนการออกสกุลเงินดิจิทัลที่มีชื่อว่า 'ลิบรา' ของเฟซบุ๊กนั้น อาจนำมาซึ่งชัยชนะของจีนในสนามนี้
นายเดวิด มาร์คัส ผู้บริหารโครงการลิบราของเฟซบุ๊ก ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศว่า จีนกำลังพัฒนาระบบการชำระเงินแบบดิจิทัลให้สามารถใช้งานได้ทั่วโลก แต่เจ้าหน้าที่ของสหรัฐกลับกำลังพยายามควบคุมสกุลเงินดิจิทัลของเฟซบุ๊ก พร้อมกับกล่าวว่า ความก้าวหน้าของจีนอาจเป็นภัยคุกคามต่ออิทธิพลของสหรัฐอย่างแท้จริง
"อีก 5 ปีนับจากนี้ หากเรายังไม่มีคำตอบที่ดีขึ้น ก็เป็นไปได้ที่จีนจะผงาดขึ้นมาอีกครั้ง ในฐานะประเทศที่ใหญ่ที่สุดของโลก ที่เป็นเจ้าของเงินดิจิทัลบนบล็อกเชนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเขา ในขณะที่ประเทศอื่นๆ ทั่วโลกกลับต้องถูกปิดกั้นการเข้าถึงและการออกสกุลดิจิทัลจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐ เมื่อเวลานั้นมาถึงก็อาจไม่มีทางเลือกใดหลงเหลืออยู่" นายมาร์คัสกล่าว
การแสดงความเห็นดังกล่าวมีขึ้น ในขณะที่โครงการออกสกุลเงินลิบรา ซึ่งเฟซบุ๊กประกาศออกมาเมื่อช่วงกลางเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา และมีแผนจะเริ่มใช้ในปีหน้านั้น กำลังเผชิญอุปสรรคจากการตรวจสอบโดยนักการเมือง หน่วยงานควบคุมด้านกฎระเบียบ และเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางทั่วโลก ท่ามกลางความวิตกกังวลว่าการที่ผู้ใช้เฟซบุ๊ก 2.38 พันล้านรายนำสกุลเงินดังกล่าวไปใช้อย่างแพร่หลายนั้น อาจจะส่งผลกระทบต่อระบบการเงิน และสนับสนุนการฟอกเงินผิดกฎหมาย
ล่าสุด บริษัทด้านการชำระเงินหลายแห่ง นำโดย เพย์พาล โฮลดิ้งส์ อิงค์ของสหรัฐ ตามด้วยมาสเตอร์การ์ด, วีซ่า อิงค์, อีเบย์ อิงค์ และ สไตรป์ อิงค์ของสหรัฐ รวมถึงบริษัทเมอร์คาโด ปาโกของเม็กซิโก ก็ได้พากันถอนตัวจากสมาคมลิบราของเฟซบุ๊ก จนส่งผลให้สมาคมลิบราไม่เหลือสมาชิกที่เป็นบริษัทด้านการชำระเงิน ซึ่งเท่ากับว่าสมาคมลิบราจะไม่สามารถพึ่งพาบริษัทระดับโลกในการช่วยผู้บริโภคแปลงสกุลเงินของตนเป็นสกุลเงินลิบรา และเพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมใดๆ อีกต่อไป
ส่วนสมาชิกที่เหลืออยู่ในสมาคมลิบรานั้นส่วนใหญ่ประกอบด้วยบริษัทที่ทำธุรกิจร่วมทุน, สื่อสารโทรคมนาคม, บล็อกเชน และเทคโนโลยี รวมถึงองค์กรอิสระที่ไม่แสวงหาผลกำไร (NGO)