นายฮาบิแอร์ อิตูร์ริเอกา รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมชิลี เปิดเผยว่า เหตุการณ์จลาจลครั้งรุนแรงเพื่อประท้วงการปรับขึ้นค่าโดยสารการขนส่งสาธารณะในกรุงซันติอาโก เมืองหลวงของชิลี เมื่อวันศุกร์ ได้สร้างความเสียหายให้กับสถานีรถไฟใต้ดิน 41 แห่ง และส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 308 คน
กลุ่มผู้ประท้วงที่ไม่พอใจการปรับขึ้นค่าโดยสารการขนส่งสาธารณะเมื่อไม่นานมานี้ ได้ออกมาชุมนุมและก่อเหตุรุนแรง ด้วยการจุดไฟเผาสถานีรถไฟใต้ดินหลายแห่ง, บุกปล้นร้านค้า และเผารถโดยสารสาธารณะ จนรัฐบาลต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในกรุงซันติอาโกและเมืองชากาบูโก รวมถึงในเขตเทศบาลปูเอนเต อัลโตและซันเบอร์นาร์โตเมื่อวานนี้
นายอิตูร์ริเอกากล่าวในแถลงการณ์ว่า "เรามีอะไรต้องทำอีกหลายอย่าง ก่อนจะถึงวันจันทร์ เพื่อให้ทุกคนสามารถไปทำงานและใช้ชีวิตได้ตามปกติ"
ด้านผู้บัญชาการตำรวจ เมาริซิโอ รอดริเกซ ก็ได้ออกมาเปิดเผยว่า มีประชาชนอย่างน้อย 11 คนและเจ้าหน้าที่ 156 รายได้รับบาดเจ็บระหว่างการชุมนุม ขณะที่รถยนต์ตำรวจอีก 49 คันก็ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์นี้ด้วย
การประท้วงครั้งนี้เริ่มขึ้นหลังจากที่รัฐบาลได้ประกาศปรับขึ้นค่าโดยสารรถไฟใต้ดินในกรุงซันติอาโกในช่วงเวลาที่มีผู้โดยสารใช้บริการเป็นจำนวนมาก จากเดิมที่ 800 เปโซชิลี มาเป็น 830 เปโซชิลี (หรือ 1.13 ดอลลาร์สหรัฐ เป็น 1.17 ดอลลลาร์สหรัฐ) เมื่อวันที่ 6 ต.ค. ที่ผ่านมา
การปรับขึ้นค่าโดยสารดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนจำนวนมาก ซึ่งมองว่าเป็นการดำเนินการที่ไม่ยุติธรรมและไม่สอดคล้องกับค่าจ้างเฉลี่ยของประเทศ