รายงานล่าสุดบ่งชี้ว่า ออสเตรเลียต้องหยุดเผาถ่านหินภายในปี 2573 หากต้องการที่จะบรรลุเป้าหมายความตกลงปารีสว่าด้วยการแก้ปัญหาโลกร้อน
รายงาน Climate Analytics ระบุว่า ออสเตรเลียมีแนวโน้มที่จะเผชิญปัญหาในการควบคุมอุณหภูมิ เมื่อวัดจากผลในปี 2559 ซึ่งจะทำให้ออสเตรเลียไม่สามารถบรรลุเป้าหมายตามข้อตกลงซึ่งกำหนดให้ทั่วโลกป้องกันปัญหาโลกร้อนด้วยการจำกัดอุณหภูมิไม่ให้สูงเกิน 1.5 องศาเซลเซียส
รายงานระบุว่า ออสเตรเลียมีการใช้ถ่านหินในการผลิตไฟฟ้ามากถึง 60% ซึ่งหากโรงงานไฟฟ้ายังคงดำเนินการจนสิ้นอายุการใช้งานทางเทคนิค ก็จะปล่อยคาร์บอนเหนือระดับของข้อกำหนดมากถึง 194%
นายเปาลา ยังกัวส์ ปาร์รา หัวหน้ากลยุทธ์การลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้เปิดเผยใน Climate Analytics ว่า "ออสเตรเลียควรต้องลดการปล่อยคาร์บอนจากการผลิตไฟฟ้าโดยด่วน เนื่องจากกระบวนการดังกล่าวเป็นรากฐานสำคัญในการลดการปล่อยมลพิษในภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ ซึ่งไฟฟ้ามีบทบาทสำคัญอย่างมาก"
นอกจากนี้ รายงานดังกล่าวยังระบุด้วยว่า ในขณะที่ออสเตรเลียเผชิญกับสถานการณ์ฝุ่นที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ รวมถึงการเสื่อมสภาพของปะการังในเกรตแบร์ริเออร์รีฟที่เพิ่มมากขึ้นจากสภาวะโลกร้อนนั้น ออสเตรเลียจะมีฝนฤดูหนาวน้อยลง ซึ่งจะส่งผลให้มีฝุ่นในอากาศและไฟป่ายาวนานขึ้น
นายบิล แฮร์ ซีอีโอของ Climate Analytics กล่าวว่า "ขณะนี้ชาวออสเตรเลียได้ตระหนักแล้วว่าภัยโลกร้อนได้ส่งผลกระทบต่อประเทศ เนื่องจากประชาชนในนิวเซาท์เวลส์และควีนส์แลนด์กำลังเผชิญกับไฟป่าครั้งรุนแรงที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน"