วุฒิสมาชิกของสหรัฐได้ซักถามผู้บริหารของบริษัทแอปเปิล อิงค์ และบริษัทเฟซบุ๊ก อิงค์ เกี่ยวกับการปฏิบัติเรื่องการเข้ารหัสข้อมูล และขู่ว่าจะควบคุมเทคโนโลยีดังกล่าว เว้นเสียแต่ว่าทั้งสองบริษัทจะยอมให้ผู้บังคับใช้กฎหมายสามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้ที่ถูกเข้ารหัสได้
พรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันได้ร่วมกันนำเสนอแนวคิดดังกล่าวในการไต่สวนของคณะกรรมการตุลาการประจำวุฒิสภาสหรัฐ โดยระบุว่า การเข้ารหัสข้อมูลเป็นการปิดกั้นการเข้าถึงหลักฐานสำคัญ และขัดขวางการสอบสวนคดีการทารุณกรรมเด็กและคดีกราดยิง
วุฒิสมาชิกลินด์ซีย์ แกรห์ม ระบุว่า แอปเปิลและเฟซบุ๊กจะดำเนินการตามข้อเรียกร้องนี้ หรือจะให้ทางการดำเนินการในการเข้าควบคุมเทคโนโลยีการเข้ารหัส โดยกล่าวว่าสหรัฐจะไม่ยอมอยู่ในโลกที่ผู้กระทำทารุณกรรมเด็กมีที่หลบภัยจากการกระทำผิด
ทั้งนี้ เฟซบุ๊กได้ต่อสู้กับรัฐบาลหลายประเทศ นับตั้งแต่ประกาศแผนการขยายการเข้ารหัสแบบครบวงจรในบริการส่งข้อความเมื่อต้นปีนี้ โดยวอทส์แอป ซึ่งเป็นแอปส่งข้อความของเฟซบุ๊กนั้นถูกเข้ารหัสแล้ว
ในเดือนต.ค.ที่ผ่านมา นายวิลเลียม บาร์ รมว.ยุติธรรมสหรัฐ และหัวหน้าหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของสหราชอาณาจักรและออสเตรเลียได้เรียกร้องเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นโซเชียลเน็ตเวิร์คใหญ่ที่สุดในโลก ไม่ให้เดินหน้าแผนการดังกล่าว เว้นเสียแต่ว่า เจ้าหน้าที่รักษากฎหมายจะสามารถเข้าถึงข้อมูลที่มีการเข้ารหัสได้ แต่เฟซบุ๊กก็ได้ปฏิเสธข้อเรียกร้องดังกล่าว
ส่วนแอปเปิลได้ต่อสู้ทางกฎหมายเกี่ยวกับการเข้ารหัสในปี 2559 เมื่อสำนักงานสืบสวนกลาง (FBI) พยายามเข้าถึงเข้ามูลในไอโฟนของสาวกกลุ่มรัฐอิสลาม (IS) ที่ก่อเหตุกราดยิงในซานเบอร์นาร์ดิโน รัฐแคลิฟอร์เนีย
ทั้งนี้ จุดยืนดังกล่าวได้ช่วยเสริมสร้างชื่อเสียงของแอปเปิลในการปกป้องข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ ในขณะที่เฟซบุ๊กเผชิญกับเรื่องอื้อฉาวในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเกี่ยวกับการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล