องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก (UNESCO) เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ทำให้นักเรียนทั่วโลกมากกว่า 300 ล้านคนไม่สามารถไปโรงเรียนได้ พร้อมแนะนำให้ใช้ระบบการศึกษาทางไกลเพื่อป้องกันไม่ให้การเรียนต้องหยุดชะงักลง
ยูเนสโกกล่าวว่า "นี่เป็นตัวเลขมหาศาลแบบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน" ขณะนี้มีประเทศทั่วโลกถึง 13 ประเทศที่ต้องปิดการเรียนการสอนทั่วประเทศ ทำให้เด็กและเยาวชนที่เรียนอยู่ในชั้นตั้งแต่เตรียมประถมไปถึงมัธยมมากกว่า 300 ล้านคนต้องหยุดเรียน
ยูเนสโกระบุว่า ยังมีอีก 9 ประเทศที่สั่งปิดโรงเรียนระดับท้องถิ่นอยู่ตอนนี้เพื่อป้องกันหรือจำกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งหากประเทศเหล่านั้นจำเป็นต้องสั่งปิดโรงเรียนทั่วประเทศ ก็จะส่งผลกระทบต่อนักเรียนอีก 180 ล้านคน
"แม้ว่าการปิดโรงเรียนชั่วคราวอันเนื่องมาจากปัญหาในเรื่องสุขภาพหรือวิกฤตการณ์อื่น ๆ จะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับระบบการศึกษาอย่างรวดเร็วและเป็นวงกว้างทั่วโลกในตอนนี้ ถือเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงอย่างไม่เคยมีใครคาดคิด และหากสถานการณ์ยังคงยืดเยื้อต่อไปก็อาจส่งผลกระทบจนถึงขั้นเป็นภัยคุกคามต่อสิทธิด้านการศึกษาของนักเรียนทั่วโลก" ออเดรย์ อาซูเลย์ ผู้อำนวยการใหญ่องค์การยูเนสโกกล่าว
ผอ.ยูเนสโก กล่าวต่อไปว่า "เรากำลังทำงานร่วมกับประเทศต่าง ๆ เพื่อรับประกันความต่อเนื่องด้านการศึกษาของนักเรียนทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กและเยาวชนด้อยโอกาส ซึ่งมีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบมากสุดจากการปิดโรงเรียน"
นอกจากจะออกมาเตือนถึงผลกระทบจากการปิดโรงเรียนที่จะเกิดขึ้นกับการเรียนรู้และประสิทธิภาพการศึกษาของนักเรียนแล้ว ยูเนสโกยังให้คำมั่นว่าจะให้การสนับสนุนด้านการศึกษาและเร่งจัดหาโซลูชั่นการศึกษาทางไกลแบบครบวงจรเพื่อช่วยเหลือประเทศต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบ
สำนักข่าวซินหัวรานงานว่า ยูเนสโกมีแผนจะจัดการประชุมฉุกเฉินรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการของประเทศสมาชิกในวันที่ 10 มี.ค.นี้ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและกลยุทธ์ในการรักษาความต่อเนื่องด้านการศึกษาของเยาชนด้วยความเท่าเทียมและเสมอภาค