ผลการศึกษาเปิดเผยว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในอังกฤษมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นกว่าทุกประเทศในยุโรป เนื่องจากอังกฤษเริ่มใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมช้ากว่านานาชาติ
สถาบันชี้วัดและประเมินสุขภาพ (IHME) ในเมืองซีแอตเทิลของสหรัฐ คาดการณ์ว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในอังกฤษอาจพุ่งสูงขึ้นถึง 66,000 คนภายในเดือนส.ค. โดยยอดผู้เสียชีวิตรายวันอาจพุ่งแตะระดับ 3,000 คน
นอกจากนี้ อังกฤษจะกลายเป็นประเทศที่ถูกโควิด-19 โจมตีหนักที่สุดในยุโรป หรือมีสัดส่วนผู้เสียชีวิตอยู่ที่กว่า 40%
นักวิเคราะห์ระบุว่า การที่อังกฤษหารือเกี่ยวกับประเด็น "herd immunity" หรือการที่ให้ประชากรส่วนมากมีภูมิคุ้มกันจากโรคเป็นเวลานานนั้น ทำให้อังกฤษเริ่มใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมช้ากว่าประเทศอื่น ๆ โดยอังกฤษได้ประกาศใช้มาตรการดังกล่าวเมื่อวันที่ 23 มี.ค. หรือหลังจากมีผู้เสียชีวิตแล้ว 54 คน
อย่างไรก็ตาม อังกฤษได้ตัดสินใจไม่ใช้มาตรการ herd immunity หลังจากที่ผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอิมพิเรียลคอลเลจลอนดอน ระบุว่า โรงพยาบาลจะต้องรับมืออย่างหนักหากอังกฤษเดินหน้านโยบายดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลของ IHME เป็นที่ถกเถียงกันในแวดวงนักวิทยาศาตร์ เนื่องจากรูปแบบของการแพร่ระบาดในประเทศนั้นพิจารณาจากมาตรการของรัฐบาลเท่านั้น
ศาสตราจารย์นีล เฟอร์กูสัน จากมหาวิทยาลัยอิมพิเรียลคอลเลจลอนดอน กล่าวว่า ข้อมูลของ IHME เกี่ยวกับ "ความต้องการด้านการแพทย์" อาทิ จำนวนเตียงโรงพยาบาลและยอดผู้เสียชีวิต มีจำนวนมากกว่าความเป็นจริงถึง 2 เท่า