นายเจมส์ โรบินสัน รองประธานกลุ่ม Coalition for Epidemic Preparedness Innovation (CEPI) ได้เปิดเผยรายชื่อของกลุ่มผู้พัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 จำนวน 9 กลุ่มซึ่งมีขีดความสามารถที่จะผลิตวัคซีน 4 พันล้านโดสต่อปี
CEPI ซึ่งเป็นมูลนิธิที่ทรงอิทธิพลซึ่งจัดตั้งขึ้นที่กรุงดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์นั้น ได้มุ่งเตรียมการเพื่อรับมือกับโรคระบาดดังกล่าว โดยสนับสนุนการผลิตวัคซีนที่มีแนวโน้มจะสามารถต้านไวรัสโควิด-19 ได้จำนวน 9 ตัว
ทั้งนี้ ผู้พัฒนาวัคซีน 9 รายได้แก่ บริษัทไอโนวิโอ ฟาร์มาซูติคอล อิงค์ของสหรัฐ, มหาวิทยาลัยแห่งควีนส์แลนด์ร่วมกับบริษัทซีเอสแอลของออสเตรเลีย, บริษัท CureVac ของเยอรมนี, บริษัทโมเดอร์นา อิงค์ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐ, บริษัทโนวาแวกซ์ อิงค์ของสหรัฐ, มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดร่วมกับบริษัทแอสตร้าเซเนกาของอังกฤษ, บริษัท Clover Biopharmaceuticals ของจีน, มหาวิทยาลัยฮ่องกง และกลุ่มผู้พัฒนาที่นำโดยมูลนิธิ Institut Pasteur ร่วมกับมหาวิทยาลัยพิตต์สเบิร์ก และบริษัท Themis Bioscience ของออสเตรียซึ่งอยู่ในเครือของบริษัทเมอร์คของสหรัฐ
นายโรบินสันเปิดเผยในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า CEPI วางแผนที่จะมีโรงงาน 2-3 แห่งเพื่อผลิตวัคซีนต้านโควิด-19 แต่ละตัว
"ปัจจุบัน เรารู้ว่า เราจะสามารถผลิตวัคซีนได้ตามเป้าหมายขั้นต่ำที่ 2 พันล้านโดสภายในสิ้นปี 2564" เขากล่าว
นายโรบินสันระบุว่า "ทาง CEPI กำลังวางแผนที่จะจัดตั้งศูนย์กระจายวัคซีนต้านโควิด-19 ตามภูมิภาคต่างๆ ประมาณ 8-10 แห่ง เพื่อที่ทางกลุ่มจะได้ไม่ต้องผลิตวัคซีนทั้งหมดจากส่วนกลาง และต้องพยายามส่งวัคซีนไปรอบโลก"
แม้ว่าจะยังไม่มีวัคซีนต้านโควิด-19 ที่ได้รับการอนุมัติ แต่ทาง CEPI ก็ได้เตรียมการด้านการผลิตและห่วงโซ่อุปทานเพื่อรับประกันว่าจะสามารถแจกจ่ายวัคซีนต้านโควิด-19 ได้อย่างเท่าเทียมกันทั่วโลก
"ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าการผลิตวัคซีนต้านโควิด-19 จำนวน 4 พันล้านโดสต่อปีจะเป็นไปได้ แต่ผมเชื่อ" นายโรบินสันกล่าว
ทั้งนี้ กลุ่ม CEPI ซึ่งมีสำนักงานสาขาอยู่ในกรุงลอนดอนและกรุงวอชิงตันด้วยนั้น ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล 14 ชาติ, มูลนิธิบิลแอนด์เมลินดา เกตส์ และเวลคัม ทรัสต์ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลของอังกฤษ
CEPI ได้ทุ่มเงินราว 839 ล้านดอลลาร์แล้วจนถึงขณะนี้เพื่อค้นหาวัคซีนต้านโควิด-19 ผ่านทางการเป็นหุ้นส่วนกับผู้พัฒนาวัคซีน 9 รายดังกล่าว โดยหวังว่าอย่างน้อยที่สุดการพัฒนาวัคซีนบางตัวจะประสบความสำเร็จ