นายสเตฟเฟน ไซแบร์ต โฆษกรัฐบาลเยอรมนีเปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ยืนยันว่า ประชาชนจะต้องสวมหน้ากากอนามัยเข้าร้านค้าเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยคำยืนยันดังกล่าวถือเป็นการปฏิเสธข้อเสนอที่ว่า ควรมีการยกเลิกข้อกำหนดการสวมหน้ากากอนามัยเมื่อเข้าร้านค้า
นายไซแบร์ตกล่าวว่า "ตราบใดที่ในชีวิตประจำวันไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าทุกคนเว้นระยะทางสังคม การสวมหน้ากากอนามัยก็ยังเป็นสิ่งสำคัญอยู่และตัดออกไม่ได้ หากพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน การสวมหน้ากากอนามัยยังจำเป็นต้องทำเพื่อลดจำนวนผู้ติดเชื้อให้น้อยลงและปกป้องชีวิตคนอื่นๆ รวมถึงตัวเราเองด้วย"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายแฮรี่ กลาว รัฐมนตรีกระทรวงกิจการเศรษฐกิจได้จุดประเด็นการถกเถียงเกี่ยวกับการยกเลิกข้อบังคับให้ผู้ที่เข้าร้านค้าต้องสวมหน้ากากปิดปากปิดจมูก โดยนายกลาวเปิดเผยกับหนังสือพิมพ์ Welt เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า "หากจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงเรื่อยๆ ผมคิดว่าไม่มีเหตุผลที่เราจะต้องสวมหน้ากากอนามัยเข้าร้าน"
ขณะเดียวกัน รัฐอื่นๆ ในเยอรมนียังคงพิจารณาคำสั่งยกเลิกการสวมหน้ากากอนามัยเมื่อเข้ามาในร้าน โดยนางเปตรา เคิพปิง รัฐมนตรีกระทรวงกิจการสังคมให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ฉบับเดียวกันว่า "เรากำลังพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่จะไม่ต้องใส่หน้ากากอนามัยเข้าร้านค้า"
ทางด้านนายเจนส์ สปาห์น รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของเยอรมนีย้ำเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า การดำเนินการต้องทำด้วยความระมัดระวัง และเตือนว่าโควิด-19 ยังคงอยู่ อย่างไรก็ดี เขาเข้าใจถึงการเฝ้ารอคอยและความต้องการของผู้คนที่จะกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ