เกาหลีใต้ตัดสินใจยกระดับมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมให้เข้มงวดมากขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่วันพุธนี้ เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
โดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งเกาหลี (KCDC) เปิดเผยเมื่อช่วงเช้าวันนี้ว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา เกาหลีใต้พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก 246 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 15,761 ราย
เกาหลีใต้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 100 ราย เป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน โดยพบผู้ติดเชื้อใหม่ 103 รายในวันศุกร์, 166 รายในวันเสาร์, 279 รายในวันอาทิตย์ และ 197 เมื่อวานนี้ โดยส่วนใหญ่อยู่ในกรุงโซลและในจังหวัดคย็องกี
ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ที่พบในช่วงหลายวันมานี้เป็นการติดเชื้อแบบกลุ่มก้อนในกรุงโซลและพื้นที่ใกล้เคียง โดยพบผู้ติดเชื้อ 457 รายที่มีความเชื่อมโยงกับโบสถ์แห่งหนึ่งในกรุงโซล
นอกจากนี้ กำลังมีความวิตกกังวลกันเป็นวงกว้างว่า ผู้ติดเชื้อจำนวนหนึ่งได้เข้าร่วมการชุมนุมประท้วงที่จัดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาในย่านใจกลางกรุงโซล
นายกรัฐมนตรี ชอง เซคยอน ของเกาหลีใต้ อธิบายถึงสาเหตุที่รัฐบาลต้องตัดสินใจยกระดับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดภายในกรุงโซลและปริมณฑลว่า เป็นเพราะ "เรามาถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญอย่างยิ่ง เราอยู่ในจุดที่โรคระบาดอาจแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วทั่วประเทศ หากเราไม่ดำเนินการควบคุมอย่างเหมาะสมตั้งแต่ตอนนี้"
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ตั้งแต่วันพุธนี้ ห้ามมีการรวมกลุ่มกันภายในอาคารเกิน 50 คน และภายนอกอาคารเกิน 100 คน พร้อมขอความร่วมมือให้ประชาชนอยู่บ้าน ขณะที่การเข้าร่วมพิธีกรรมทางศาสนาสามารถทำได้เฉพาะทางออนไลน์เท่านั้น
นายกฯเกาหลีใต้ได้ขอความร่วมมือจากประชาชน โดยกล่าวว่ารัฐบาลจำเป็นต้องดำเนินมาตรการเข้มงวดขึ้น ซึ่งหากไม่ประสบผลสำเร็จ ก็อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนได้