เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของจีนเปิดเผยว่า กรุงปักกิ่งได้ยกเลิกมาตรการให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยเมื่อออกนอกบ้าน พร้อมทั้งผ่อนคลายกฎระเบียบต่างๆ ที่บังคับใช้ก่อนหน้านี้เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19
ทั้งนี้ กรุงปักกิ่งไม่พบผู้ติดเชื้อโควิดมา 13 วันแล้ว ส่วนในจีนก็ไม่พบผู้ป่วยรายใหม่ที่ติดเชื้อภายในประเทศเป็นเวลา 5 วันหลังควบคุมการระบาดในปักกิ่ง ซินเจียง และพื้นที่อื่นๆ ได้สำเร็จ
อย่างไรก็ดี ถึงแม้จะมีมาตรการผ่อนคลายดังกล่าวออกมา แต่ประชาชนส่วนใหญ่ในกรุงปักกิ่งก็ยังคงสวมหน้ากากอนามัยอยู่ โดยให้เหตุผลว่า หน้ากากอนามัยช่วยให้รู้สึกปลอดภัย ขณะที่บางส่วนกล่าวว่า แรงกดดันจากกระแสสังคมให้สวมหน้ากากอนามัยก็เป็นปัจจัยหนึ่งด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของกรุงปักกิ่งได้ผ่อนคลายมาตรการสวมหน้ากากอนามัยเป็นครั้งที่สอง หลังสถานการณ์โดยรวมกลับสู่ภาวะปกติ โดยก่อนหน้านี้มีการล็อกดาวน์เกิดขึ้น 2 ครั้ง ซึ่งส่งผลให้ประชาชนต้องกลับมาสวมหน้ากากอนามัย
ก่อนหน้านี้ ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคเทศบาลกรุงปักกิ่งประกาศเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาว่า ประชาชนสามารถออกนอกบ้านได้โดยไม่ต้องสวมหน้ากากอนามัย ก่อนที่มาตรการดังกล่าวจะถูกยกเลิกไปในเวลาไม่นานเมื่อเดือนมิ.ย. หลังเกิดการระบาดรอบใหม่ที่ตลาดซินฟาตี้ทางตอนใต้ของกรุงปักกิ่ง
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้จีนประสบความสำเร็จในการควบคุมโควิด-19 คือ การบังคับใช้กฎหมายท้องถิ่นอย่างเข้มงวด รวมไปถึงการสวมหน้ากากอนามัย การกักตัวอยู่ที่บ้าน และการให้ความร่วมมือในการตรวจหาเชื้อของประชาชน