ศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงระบบ (CSSE) แห่งมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ รายงานว่า ณ เวลา 12.28 น.ของวันพฤหัสบดีตามเวลาสหรัฐ หรือ 23.28 น.ตามเวลาไทยเมื่อวานนี้ ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับ 5.8 ล้านราย และยอดผู้เสียชีวิต เพิ่มขึ้นเป็น 180,020 ราย
รัฐนิวยอร์กมีจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 มากที่สุดในสหรัฐ โดยอยู่ที่ 32,921 ราย รองลงมาคือรัฐนิวเจอร์ซีย์ 15,914 ราย ขณะที่รัฐแคลิฟอร์เนีย รัฐเท็กซัส และรัฐฟลอริดา มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 10,000 ราย
ส่วนรัฐที่มียอดผู้เสียชีวิตมากกว่า 7,000 รายได้แก่ รัฐแมสซาชูเซตส์ รัฐอิลลินอยส์ และรัฐเพนซิลเวเนีย
ทั้งนี้ สหรัฐยังคงเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 มากที่สุดในโลก หรือคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 20% ของยอดเสียชีวิตจากโควิด-19 ทั่วโลก
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (CDC) เพิ่งเผยแพร่คำแนะนำใหม่เกี่ยวกับการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยระบุว่า ไม่จำเป็นต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้กับผู้ที่ไม่แสดงอาการ แม้หลังจากสัมผัสกับผู้ที่ติดเชื้อก็ตาม
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า บรรดาแพทย์และผู้เชี่ยวชาญไม่เห็นด้วยกับคำแนะนำดังกล่าว โดยออกมาเตือนว่า ผู้ที่ไม่แสดงอาการป่วยนั้นมีส่วนสำคัญต่อการแพร่กระจายเชื้อโรค
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การตรวจหาเชื้อและแยกตัวผู้ที่มีความเสี่ยงแต่ไม่มีอาการออกจากสังคมนั้น มีความสำคัญต่อการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19