นายแพทย์แอนโทนี ฟอซี ผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐ และเป็นนายแพทย์ใหญ่ของคณะทำงานเฉพาะกิจด้านการควบคุมไวรัสโควิด-19 ของทำเนียบขาวเปิดเผยว่า สหรัฐกำลังเดินหน้าไปในทิศทางที่ผิด ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นใน 47 รัฐ และมีจำนวนผู้ป่วยล้นโรงพยาบาลทั่วประเทศ
"ถ้าหากยังไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ หรือยังคงเดินหน้าในทิศทางที่เราดำเนินอยู่ สหรัฐก็จะเผชิญกับสถานการณ์ที่เจ็บปวดในแง่ของจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น การเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมากขึ้น และจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น" นายฟอซีเปิดเผยในการให้สัมภาษณ์เมื่อวันพุธในรายการ "The News with Shepard Smith" ทางสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี
นายฟอซีระบุว่า หลายๆ เมือง เช่น นิวยอร์กและฟิลาเดลเฟียต่างก็มีความพร้อมมากขึ้นในการรับมือกับยอดผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น ทว่าเมืองทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือและทางตอนกลางของประเทศอาจเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากมากขึ้นในการรับมือกับโรคระบาด
นอกจากนี้ นายแพทย์ฟอซีกล่าวเสริมว่า เขาไม่ได้คาดการณ์ว่า สหรัฐจะดำเนินมาตรการล็อกดาวน์ตามเมืองเมลเบริน์ของออสเตรเลีย เพื่อสกัดยอดผู้ติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้น โดยเมลเบิร์นได้กลับมาเปิดเมืองอีกครั้งเมื่อวานนี้หลังจากประกาศล็อกดาวน์เป็นระยะเวลา 3 เดือน
ทั้งนี้ นายแพทย์ฟอซีได้แนะนำให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างทางสังคม และหลีกเลี่ยงฝูงชนและการชุมนุม ท่ามกลางความเหนื่อยล้าของชาวอเมริกันที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโควิด พร้อมเสริมว่า ประเทศจะต้องดีกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้อย่างมาก