นพ.สก็อตต์ ก็อตต์ลิเอ็บ อดีตประธานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) เตือนว่า เทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า หรือ Thanksgiving Day อาจเป็นช่วงเวลาที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ย่ำแย่ลง และคาดว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ขั้นวิกฤตในเดือนธ.ค.
นายก็อตต์ลิเอ็บกล่าวกับรายการ "Face the Nation" ทางสถานีโทรทัศน์ CBS ว่า สถานการณ์กำลังย่ำแย่ลง และเขาเชื่อว่าช่วงเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้าจะเป็นจุดเปลี่ยน โดยเดือนธ.ค.อาจจะเป็นเดือนที่หนักที่สุด และไม่คาดว่าการล็อกดาวน์จะคุมโควิด-19 ได้ ทั้งนี้ นายก็อตต์ลิเอ็บเรียกร้องให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากอนามัย และยังเรียกร้องให้สภาคองเกรสออกมาตรการช่วยเหลือ
ความเห็นของนายก็อตต์ลิเอ็บ สอดคล้องกับคำกล่าวของนายแพทย์แอนโทนี ฟอซี แพทย์ใหญ่ของคณะทำงานเฉพาะกิจด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาวที่ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า สถานการณ์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะย่ำแย่ลง แต่หลังจากนั้นไม่นานทำเนียบขาวได้ออกมาตำหนินายฟอซี โดยระบุว่านายฟอซีโยงเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด-19 กับการเมือง
นายแพทย์ฟอซียังกล่าวด้วยว่า ชาวอเมริกันจำนวนมากอาจไม่สามารถกลับคืนสู่สภาวะปกติได้จนกว่าจะถึงปลายปี 2564 หรือในปี 2565 พร้อมกับกล่าวว่า สถานการณ์ที่เลวร้ายลงภายในประเทศนั้นมีสาเหตุมาจาก "ความแตกแยก" ของรัฐต่างๆ ในการปฏิบัติตามคำแนะนำด้านสุขภาพ อาทิ การสวมหน้ากากอนามัย "หากทุกคนปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างสม่ำเสมอ ผมคิดว่าเราคงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ การสวมหน้ากากอนามัยในสหรัฐ เกือบจะกลายเป็นเรื่องทางการเมืองไปแล้ว" เขาระบุ
"ประชาชนถูกหัวเราะเยาะเพราะสวมหน้ากากอนามัย มันขึ้นอยู่กับว่าคุณอยู่ฝั่งไหนของการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องที่เจ็บปวดมากสำหรับผมในฐานะแพทย์ นักวิทยาศาสตร์ และนักสาธารณสุข" นายฟอซีกล่าว พร้อมเสริมว่า เขายังคงระมัดระวังเกี่ยวกับสถานการณ์การระบาดใหญ่ของประเทศโดยรวม และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเขารู้สึกเป็นกังวลเป็นอย่างมากเกี่ยวกับสถานการณ์ในอีกหลายเดือนข้างหน้า ซึ่งเข้าใกล้ช่วงฤดูหนาวและเทศกาลวันหยุด