เดนมาร์กพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนากลายพันธุ์ในมิงค์กว่า 200 ราย

ข่าวต่างประเทศ Sunday November 8, 2020 16:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สถาบันเซรั่มแห่งเดนมาร์ก (SSI) เปิดเผยว่า ทางการตรวจพบประชาชนที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่กลายพันธุ์และมีต้นตอจากฟาร์มมิงค์จำนวน 214 ราย ซึ่งเป็นการติดเชื้อแบบกลุ่มก้อน

สถาบัน SSI กล่าวในแถลงการณ์ว่า "นี่ถือเป็นเรื่องร้ายแรง เนื่องจากในอนาคต วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จะมีประสิทธิภาพต้านการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ต่าง ๆ ลดลง"

"เดนมาร์กพบการระบาดของโรคโควิด-19 ในฟาร์มมิงค์ 216 แห่ง เมื่อนับถึงวันที่ 6 พ.ย. เราพบผู้ติดเชื้อไวรัสที่กลายพันธุ์จากมิงค์แล้ว 214 ราย จากการทดสอบตัวอย่าง 5,102 รายการ ระหว่างสัปดาห์ที่ 24-42 หรือตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายนถึงกลางเดือนตุลาคม"

สิ่งที่ทางสถาบันวิตกกังวลเป็นพิเศษคือ หลังจากที่ได้จำแนกการติดเชื้อแบบกลุ่มก้อนออกเป็น 5 กลุ่ม ทางการพบว่า เชื้อไวรัสโคโรนากลายพันธุ์จากมิงค์ในผู้ป่วย "กลุ่มก้อนที่ 5" มีความต้านทานต่อแอนติบอดีเพิ่มขึ้น เนื่องจาก "โปรตีนหนาม" ของเชื้อไวรัสเปลี่ยนแปลงตัวเองจนสามารถเจาะเข้าสู่เซลล์ในร่างกายมนุษย์ได้

"มีการตรวจพบว่าผู้ป่วยกลุ่มก้อนที่ 5 ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์เฉพาะ ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมของโปรตีนหนามพร้อมกัน 4 ครั้ง โดยเป็นเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ที่พบในฟาร์มมิงค์ของภูมิภาคนอร์ธ จัตแลนด์ จำนวน 5 แห่ง และในตัวอย่างจากผู้ป่วย 12 รายการ"

"ข้อวิตกกังวลที่ว่า ความไวต่อแอนติบอดีจากวัคซีนอาจลดลงนั้นเดิมทีเป็นเพียงเรื่องทางทฤษฎี แต่ตอนนี้มันกลายเป็นเรื่องจริงแล้ว เมื่ออ้างอิงผลการทดลองของสถาบันที่ออกครั้งแรกเมื่อวันที่ 2 พ.ย."

ทั้งนี้ หน่วยงานสาธารณสุขของเดนมาร์กได้รายงานการกลายพันธุ์ของไวรัสโคโรนาในมิงค์ต่อองค์การอนามัยโลก (WHO) แล้ว

ด้านเมตต์ เฟรเดอริกเซน นายกรัฐมนตรีเดนมาร์ก ประกาศเมื่อวันพุธ (4 พ.ย.) ว่า การกำจัดมิงค์เลี้ยงในฟาร์มทั่วเดนมาร์กราว 17 ล้านตัวคือเรื่องจำเป็น เพราะมีความเสี่ยงเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ในมิงค์อาจแพร่สู่มนุษย์ได้ ขณะที่วันถัดมา (5 พ.ย.) เฟรเดอริกเซนประกาศบังคับใช้ข้อจำกัดพิเศษที่ล็อกดาวน์ 7 เทศบาลนครของภูมิภาคนอร์ธ จัตแลนด์ ซึ่งมีฟาร์มมิงค์ตั้งอยู่ 1,137 แห่ง โดยตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย.-3 ธ.ค. ร้านอาหาร คาเฟ่ และบาร์ จะปิดให้บริการ กิจกรรมกีฬาและกิจกรรมทางวัฒนธรรมในร่มจะถูกยกเลิก ส่วนระบบขนส่งสาธารณะทุกรูปแบบจะปิดให้บริการด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ