ศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงระบบ (CSSE) แห่งมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ รายงานว่า ณ เวลา 12.27 น. ของวันพุธตามเวลาสหรัฐ หรือ 00.27 น. ของวันพฤหัสบดีตามเวลาไทย จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกพุ่งขึ้นแตะ 60,037,735 ราย ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 1,413,325 ราย
สหรัฐยังคงเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 มากที่สุดในโลก โดยมีผู้ติดเชื้อจำนวน 12,642,245 ราย และมีผู้เสียชีวิตจำนวน 260,591 ราย หรือคิดเป็นสัดส่วน 20% ของยอดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ทั่วโลก รองลงมาคืออินเดีย ซึ่งมีผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 9,222,216 ราย ขณะที่บราซิลมีจำนวนผู้ติดเชื้อมากเป็นอันดับสามของโลก โดยอยู่ที่ 6,118,708 ราย และมีผู้เสียชีวิตเป็นอันดับสองของโลก โดยอยู่ที่ 170,115 ราย
ส่วนเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา สหรัฐพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ที่ 172,935 ราย และนับเป็นวันที่ 22 ที่มีการรายงานยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่มากกว่า 100,000 ราย ขณะที่เจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของสหรัฐต่างกังวลว่า ยอดผู้ติดเชื้อจะพุ่งขึ้นหลังเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า
นอกจากนี้ ข้อมูลจาก CSSE ระบุว่า ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากกว่า 1,500,000 ราย ประกอบด้วย ฝรั่งเศส รัสเซีย สเปน และสหราชอาณาจักร ขณะที่ประเทศอื่นๆ ที่มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 50,000 ราย ประกอบด้วยอินเดีย เม็กซิโก สหราชอาณาจักร อิตาลี และฝรั่งเศส
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกทะลุ 40 ล้านรายเมื่อวันที่ 19 ต.ค. ก่อนจะแตะระดับ 50 ล้านรายเมื่อวันที่ 8 พ.ย. โดยใช้เวลา 20 วันที่จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจาก 40 ล้านรายเป็น 50 ล้านราย และ 17 วันจาก 50 ล้านรายเป็น 60 ล้านราย