รัฐบาลฝรั่งเศสประกาศมาตรการเคอร์ฟิวทั่วประเทศซึ่งมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่คืนวันอังคารนี้ ทำให้บรรดาร้านค้าจะต้องปิดทำการเร็วขึ้น และประชาชนจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกนอกบ้านตั้งแต่เวลา 20.00 น. จนถึงเวลา 06.00 น.ของวันใหม่ โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดกั้นการพุ่งขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19
ทั้งนี้ รัฐบาลฝรั่งเศสได้นำมาตรการเคอร์ฟิวมาใช้แทนมาตรการล็อกดาวน์ โดยมาตรการเคอร์ฟิวดังกล่าวจะได้รับการยกเว้นในวันคริสต์มาสอีฟ (24 ธ.ค.) แต่จะไม่ยกเว้นในคืนวันสิ้นปี (31 ธ.ค.) ขณะที่บาร์และร้านอาหารจะยังคงต้องปิดให้บริการไปจนถึงวันที่ 20 ม.ค. 2564
มาตรการเคอร์ฟิวรอบใหม่นี้ ได้ส่งผลให้ท้องถนนในกรุงปารีสเงียบสงัดในยามค่ำคืน ขณะที่ประชาชนที่เดินอยู่บนถนนมีจำนวนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะส่วนใหญ่พากันมุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟฟ้าเพื่อกลับบ้านให้ทันเวลาเคอร์ฟิว โดยหากประชาชนละเมิดมาตรการดังกล่าว จะถูกปรับเป็นเงิน 135 ยูโร (164 ดอลลาร์) หรือราว 4,900 บาท
อย่างไรก็ดี มาตรการเคอร์ฟิวจะทำให้ประชาชนสามารถออกนอกบ้านได้ในช่วงเวลาที่กำหนดไว้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ประชาชนถูกสั่งให้อยู่แต่ในบ้านภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ซึ่งเพิ่งสิ้นสุดลงเมื่อวานนี้ (15 ธ.ค.) ซึ่งก็หมายความว่า ประชาชนจะสามารถเดินทางออกไปทำธุระที่จำเป็น จับจ่ายซื้อของ หรือไปออกกำลังกายได้ในช่วงเวลาที่จำกัด
รายงานระบุว่า อัตราการติดเชื้อโควิด-19 ในฝรั่งเศสลดลงอย่างมากนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดรอบ 2 เมื่อเดือนที่แล้ว แต่นักวิทยาศาสตร์เตือนว่า ฝรั่งเศสอาจเผชิญความเสี่ยงที่จะเกิดการแพร่ระบาดรอบที่ 3 หากประชาชนการ์ดตกในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง