นายแมตต์ แฮนค็อก รัฐมนตรีสาธารณสุขของอังกฤษ เปิดเผยว่า การกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 ในอังกฤษนั้น เป็นสถานการณ์ที่เกินควบคุมแล้ว โดยพื้นที่บางส่วนของอังกฤษจะอยู่ภายใต้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในระดับ 4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด ไปจนกว่าจะได้วัคซีนอย่างทั่วถึง
นายแฮนค็อก ระบุว่า ยอดผู้ป่วยโรคโควิด-19 มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมาก อันเป็นผลจากการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 โดยประชาชนในพื้นที่ที่ใช้มาตรการระดับ 4 ควรปฏิบัติตัวเสมือนว่าตัวเองติดเชื้อแล้ว
รัฐมนตรีสาธารณสุขอังกฤษยังกล่าวด้วยว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ในอังกฤษนั้นมีรหัสว่า VUI-202012/01 ซึ่งกลายพันธุ์ได้เร็วกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมมาก และยังไม่พบหลักฐานว่ารุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมด้วย
นับจนถึงเมื่อเช้าวันเสาร์ตามเวลาอังกฤษนั้น ชาวอังกฤษได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว 350,000 ราย และหวังที่จะฉีดให้ได้ 500,000 รายภายในสุดสัปดาห์
นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้ประกาศยกระดับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สู่ระดับ 4 จากเดิมที่ระดับ ซึ่งจะมีผลคล้ายๆ กับมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศที่เคยใช้เมื่อเดือนพ.ย. เพื่อบังคับใช้กับกรุงลอนดอนและพื้นที่บางส่วนของอังกฤษ หลังพบไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่แพร่เชื้อเร็วกว่า
"ไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้คาดว่าแพร่เชื้อมากกว่าเดิมถึง 70%" นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าว "โดยการแพร่ระบาดที่กำลังเกิดขึ้นนั้นมีสาเหตุจากไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้"
มาตรการระดับที่ 4 นี้หมายความว่าประชาชนจะต้องอยู่บ้าน โดยมีกรณียกเว้นเล็กน้อย และทางการอังกฤษยังขอให้ประชาชนทำงานจากที่บ้านด้วย นอกจากนี้ ธุรกิจค้าปลีกที่ไม่จำเป็นและยิมภายในอาคารจะต้องปิด โดยการยกระดับมาตรการครั้งนี้จะมีผล 2 สัปดาห์ และจะมีการทบทวนอีกครั้งวันที่ 30 ธ.ค.