กลุ่มนักวิจัยของบราซิลเปิดเผยว่า วัคซีนต้านโรคโควิด-19 ที่พัฒนาโดยบริษัทซิโนแวก ไบโอเทค (Sinovac Biotech) ของจีนนั้น มีประสิทธิภาพมากกว่า 50% ตามข้อมูลที่ได้จากการทดลอง แต่ซิโนแวกกลับเรียกร้องให้ระงับการเปิดเผยผลการทดลองทั้งหมดอีกครั้ง ซึ่งส่งผลให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความโปร่งใสของการทดลอง
ทั้งนี้ บราซิลเป็นประเทศแรกที่เสร็จสิ้นการทดลองวัคซีน CoronaVac ขั้นสุดท้าย แต่การแถลงผลการทดลองที่มีกำหนดเปิดเผยครั้งแรกในช่วงต้นเดือนธ.ค.นี้นั้น ได้ถูกเลื่อนออกไป 3 ครั้งแล้วจนถึงขณะนี้
ความล่าช้าครั้งล่าสุดในการเปิดเผยผลการทดลองนั้นส่งผลกระทบอย่างมากกับจีน ซึ่งกำลังแข่งขันกับบริษัทผู้ผลิตวัคซีนจากประเทศตะวันตก และยังได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า บรรดาผู้ผลิตวัคซีนจากจีนขาดความโปร่งใส
นอกจากนี้ ความล่าช้าดังกล่าวยังก่อให้เกิดไม่มั่นใจมากขึ้นเกี่ยวกับวัคซีนของจีนในบราซิล โดยนายฌาอีร์ โบลโซนารู ประธานาธิบดีบราซิลได้ตั้งคำถามอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับวัคซีนของจีน พร้อมทั้งระบุว่า เขาจะไม่เข้ารับการฉีดวัคซีนดังกล่าว ซึ่งสอดคล้องกับผลการสำรวจในช่วงต้นเดือนนี้ที่ระบุว่า ประชากรบราซิลราวครึ่งหนึ่งปฎิเสธที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีนดังกล่าว
เจ้าหน้าที่จากสถาบันบูตันตัน (Butantan Institute) ของรัฐบาลบราซิลได้ปฏิเสธที่จะระบุถึงอัตราของประสิทธิภาพวัคซีนจากการทดสอบกับอาสาสมัคร 13,000 คน โดยอ้างถึงภาระผูกพันตามสัญญากับบริษัทซิโนแวก อย่างไรก็ตาม พวกเขาระบุว่า วัคซีนของซิโนแวกมีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะป้องกันไวรัสโควิด และจะได้รับการอนุมัติให้ใช้เป็นกรณีฉุกเฉินในบราซิล
Anvisa ซึ่งเป็นหน่วยงานดูแลด้านสาธารณสุขของบราซิล ได้กำหนดอัตราประสิทธิภาพของวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ไว้อย่างน้อย 50%
นายฌอง โกรินช์เทย์ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของเซาเปาโลกล่าวว่า "เป้าหมายของเราคือวัคซีนที่มีประสิทธิภาพเกินกว่า 50% ถ้าหากประสิทธิภาพเป็น 51% ก็จะมีความสำคัญสำหรับเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่เรากำลังเผชิญกับวิกฤตสุขภาพ" พร้อมเสริมว่า "สำหรับเราแล้วนั้น จะถือเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง"