สมาชิกสภาคองเกรสของสหรัฐอย่างน้อย 3 คนมีผลตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นบวก หลังเกิดเหตุกลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์บุกเข้าไปในอาคารสภาคองเกรสเมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา
นางบอนนี วัตสัน โคลแมน, นางพรามิลา จายาพาล และนายแบรด ชไนเดอร์ประกาศว่า พวกเขามีผลตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นบวก พร้อมกับกล่าวโทษบรรดาสมาชิกสภาคองเกรสของพรรครีพับลิกันที่ไม่ยอมสวมหน้ากากอนามัยในระหว่างการล็อกดาวน์อาคารรัฐสภาเป็นเวลาหลายชั่วโมง เมื่อกลุ่มผู้สนับสนุนปธน.ทรัมป์บุกเข้าไปในอาคารรัฐสภา
สมาชิกสภาคองเกรสทั้ง 3 คนถูกพาตัวไปยังสถานที่ปลอดภัยเช่นเดียวกับสมาชิกสภาคนอื่นๆ เมื่อกลุ่มสนับสนุนปธน.ทรัมป์บุกเข้าไปก่อเหตุจลาจลในอาคารรัฐสภา โดยรายงานระบุว่า ในระหว่างนั้น มีสมาชิกสภาคองเกรสจำนวนมากที่ไม่ได้สวมใส่หน้ากากอนามัยตามข้อกำหนด นอกจากนี้ ประชาชนจำนวนมากที่อยู่ในกลุ่มม็อบบุกสภา ก็ไม่ได้สวมหน้ากากอนามัยเช่นกัน
ทั้งนี้ นางวัตสัน โคลแมนซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างกักตัวที่บ้านได้ทวีตข้อความว่า "หลังจากเหตุการณ์จลาจลเมื่อวันพุธที่แล้ว ซึ่งรวมถึงการที่ต้องเข้าไปหลบภัยร่วมกับบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนฯที่ไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย ดิฉันจึงตัดสินใจไปตรวจเชื้อโควิด-19 ซึ่งผลออกมาเป็นบวก"
ทางด้านดร.ไบรอัน มอยนิฮาน แพทย์ประจำอาคารรัฐสภาสหรัฐเตือนว่า สมาชิกสภาคองเกรสอาจสัมผัสกับบุคคลที่มีเชื้อโควิด-19 ในระหว่างรวมตัวกันเป็นกลุ่มเพื่อหลบซ่อนตัวในอาคารรัฐสภาเมื่อวันพุธที่ 6 ม.ค. เมื่อกลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ บุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาเพื่อขัดขวางการประกาศรับรองชัยชนะของนายโจ ไบเดนในการเลือกตั้งประธานาธิบดี
ดร.มอยนิฮานกล่าวว่า สมาชิกสภาสหรัฐหลายคนต้องรวมตัวกันในห้องใหญ่ บางคนอยู่ในนั้นนานหลายชั่วโมง และบางคนอาจสัมผัสกับผู้ติดเชื้อโควิด-19
ขณะที่นายโรเบิร์ต เรดฟิลด์ ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐเตือนว่า ฝูงชนที่ก่อเหตุบุกอาคารรัฐสภาสหรัฐในวันดังกล่าวอาจเป็น "superspreader" ซึ่งเป็นบุคคลที่เป็นพาหะของโรคและทำให้เกิดการแพร่ระบาดจากคนสู่คน (human-borne) ในอัตราที่สูงจนผิดปกติและเป็นที่น่าวิตก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขตามมาด้วย