อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของออสเตรเลียเรียกร้องให้รัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม เนื่องจากอุตสาหกรรมยังไม่มีหวังที่จะฟื้นตัวได้ในปีนี้
นางมาร์กี ออสมอนด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของที่ประชุมการท่องเที่ยวและเดินทางแห่งออสเตรเลีย (Tourism and Transport Forum: TTF) เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวหมดหวังที่จะฟื้นตัวขึ้น ในขณะที่ออสเตรเลียยังปิดพรมแดนอยู่
"ไม่มีทางที่การท่องเที่ยวในประเทศจะชดเชยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หดหายไปได้" นางออสมอนด์ให้สัมภาษณกับสถานีโทรทัศน์ออสเตรเลียน บรอดแคสติง คอร์ปอเรชัน (ABC)
นางออสมอนด์ระบุด้วยว่า "นักท่องเที่ยวชาวจีนที่มาเที่ยวออสเตรเลียใช้จ่ายอยู่ที่ 8,500 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (6,551 ดอลลาร์สหรัฐ) โดยเฉลี่ยต่อคน ขณะที่ชาวออสเตรเลียใช้เงินเพื่อท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดเฉลี่ยวราว 1,500 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (1,156 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อคน"
"อย่าทำสิ่งที่ผิดพลาด ในช่วงที่เรายังต้องปิดพรมแดนอยู่ เพราะไม่มีหวังที่เราจะกลับมาฟื้นตัวได้"
ทั้งนี้ นางออสมอนด์ได้แสดงความเห็นดังกล่าวหลังจากที่นายเบรนดัน เมอร์ฟีย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสาธารณสุขของออสเตรเลียเปิดเผยวานนี้ว่า ออสเตรเลียจะยังไม่สามารถเปิดพรมแดนระหว่างประเทศได้ภายในปี 2564
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นางออสมอนด์ได้เรียกร้องให้รัฐบาลกลางออกมาตรการช่วยเหลืออุตสาหกรรมท่องเที่ยว นอกเหนือไปจากโครงการเงินช่วยเหลือที่เรียกว่า JobKeeper ซึ่งจะสิ้นสุดลงในเดือนมี.ค.นี้ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว
"รัฐบาลจะต้องไตร่ตรองให้ดีว่า จะช่วยประคองอุตสาหกรรมนี้ต่อไปอย่างไรในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ไม่ใช่แค่ในช่วง 2-3 เดือนนี้ หากต้องการให้การท่องเที่ยวอยู่รอดได้ เมื่อเรากลับมาเปิดพรมแดนระหว่างประเทศอีกครั้ง" นางออสมอนด์กล่าว