ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐ เร่งประสานความร่วมมืออย่างรวดเร็วกับหน่วยงานส่วนกลางเพื่อรับมือกับการระบาดของโควิด-19 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันแรกของการทำงานในทำเนียบขาว พร้อมทั้งเดินหน้าตรวจหาเชื้อและฉีดวัคซีนให้ประชาชน ตลอดจนออกคำสั่งให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย
ปธน.ไบเดนกล่าวว่า "โครงการฉีดวัคซีนของสหรัฐประสบความล้มเหลวจนน่าถอดใจ และสถานการณ์การติดเชื้อกำลังแย่ลงเรื่อยๆ อย่างไรก็ดี คาดว่าสถานการณ์จะกลับมาดีขึ้น"
นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้ชาวอเมริกันทุกคนสวมหน้ากากอนามัยตลอดช่วง 99 วันข้างหน้า เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งคร่าชีวิตประชาชนในสหรัฐไปกว่า 405,000 ราย และมีผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 24 ล้านราย ซึ่งเป็นยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมากที่สุดในโลก นอกจากนี้ ชาวอเมริกันนับล้านคนยังต้องตกงานจากการล็อกดาวน์
"นี่คือช่วงของการทำสงครามที่ต้องต่อสู้กันต่อไป" ปธน.ไบเดนกล่าว
นอกจากนี้ ปธน.ไบเดนยังได้ลงนามในคำสั่งพิเศษของประธานาธิบดีเมื่อวานนี้ ซึ่งจะมีผลต่อการแต่งตั้งคณะกรรมการดูแลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เพื่อให้กระบวนการมีความรวดเร็วขึ้น รวมถึงดูแลด้านการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนเครื่องมือ จัดทำต้นแบบการตรวจหาเชื้อสำหรับนักท่องเที่ยว และจัดส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ไปยังชุมชนชนกลุ่มน้อยที่มีการระบาดรุนแรง
ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวจะต้องสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ที่สนามบินและเมื่อใช้บริการขนส่งสาธารณะ ได้แก่ รถไฟ เครื่องบิน และรถโดยสารระหว่างเมือง
ตามแผนการของทำเนียบขาว คณะบริหารของปธน.ไบเดนจะเพิ่มการผลิตและซื้อวัคซีนเพิ่มขึ้น โดยอาศัยอำนาจหน้าที่ในการลงนามในสัญญา รวมถึงการใช้กฎหมายการผลิตเพื่อการป้องกัน (Defense Production Act: DPA)