บริษัทแอสตร้าเซนเนก้าแถลงในวันนี้ว่า วัคซีนโควิด-19 ที่ทางบริษัทพัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด จะมีการส่งมอบไปยังสหภาพยุโรป (EU) ต่ำกว่าเป้าหมายอันเนื่องจากปัญหาด้านการผลิต
"ปริมาณในเบื้องต้นจะต่ำกว่าที่คาดไว้ อันเนื่องจากการผลิตที่ลดลงจากโรงงานผลิตภายในสหภาพยุโรป แต่เราจะจัดส่งวัคซีนจำนวนหลายสิบล้านโดสในเดือนก.พ.และมี.ค.ให้แก่สหภาพยุโรป ขณะที่เราเพิ่มกำลังการผลิต" แถลงการณ์ระบุ โดยไม่ได้เปิดเผยรายละเอียด
ก่อนหน้านี้ บริษัทไฟเซอร์ อิงค์ ระบุเช่นกันว่าทางบริษัทจะลดการส่งมอบวัคซีนโควิด-19 ให้แก่ยุโรป ซึ่งส่งผลให้รัฐบาลหลายประเทศในยุโรปแสดงความไม่พอใจ ขณะที่บางประเทศ เช่น อิตาลี ขู่ดำเนินการทางกฎหมาย
รัฐบาลโรมาเนียเปิดเผยว่า ไฟเซอร์ได้ลดการส่งมอบวัคซีน 50% ในสัปดาห์นี้ ขณะที่จะค่อยๆเพิ่มจำนวนการส่งมอบในภายหลัง แต่การส่งมอบจะยังไม่กลับสู่ระดับปกติ จนกว่าจะถึงปลายเดือนมี.ค.
โปแลนด์ก็ถูกลดการส่งมอบวัคซีนเหลือเพียง 50% เช่นกัน ส่วนสาธารณรัฐเชคก็เผชิญปัญหาขาดแคลนวัคซีนเช่นเดียวกัน จนส่งผลกระทบต่อโครงการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ให้แก่ประชาชน
ทางด้านเดนมาร์กระบุว่า การที่ไฟเซอร์ลดการส่งมอบวัคซีน 50% ในสัปดาห์นี้ จะทำให้เกิดการขาดแคลนวัคซีน 10% ในไตรมาสแรก
รัฐบาลฮังการีเรียกร้องให้สหภาพยุโรป (EU) ทำการเจรจากับไฟเซอร์เพื่อให้มีการส่งมอบวัคซีนอย่างตรงเวลา
นอกจากนี้ ประเทศที่อยู่นอก EU เช่น สวิตเซอร์แลนด์และแคนาดาก็ถูกไฟเซอร์ลดการส่งมอบวัคซีนเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ ไฟเซอร์ออกแถลงการณ์ระบุว่า ทางบริษัทจะทำการปรับปรุงประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 จึงทำให้จำเป็นต้องได้รับการอนุมัติเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ควบคุมกฎระเบียบ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการส่งมอบวัคซีนเป็นการชั่วคราว
ไฟเซอร์ระบุว่า ปริมาณการส่งมอบวัคซีนจะลดลงตั้งแต่ในช่วงปลายเดือนนี้จนถึงต้นเดือนหน้า โดยกระทบต่อการส่งมอบวัคซีนทุกประเทศในยุโรป แต่การส่งมอบจะเพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่ปลายเดือนหน้า
นพ.อัลเบิร์ต เบอร์ลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของไฟเซอร์ กล่าวว่า เขามีความมั่นใจว่าบริษัทจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตวัคซีนสู่ระดับ 2 พันล้านโดสในปีนี้