ผลสำรวจเผยให้เห็นว่า ชาวลอนดอนมากกว่า 1 ใน 3 มีความคิดที่จะย้ายไปอยู่ที่อื่น ในขณะที่เมืองหลวงของสหราชอาณาจักรแห่งนี้กำลังถูกจับตาจากผู้คน หลังเผชิญปัญหาหนักจากการระบาดของโควิด-19 และการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
ผลการสำรวจซึ่ง Adecco และ YouGov ได้จัดทำร่วมกันด้วยการสอบความคิดเห็นของคนที่ทำงานอยู่ในสหราชอาณาจักรจำนวนกว่า 1,000 คน พบว่า ผู้ที่อาศัยอยู่ในลอนดอนราว 40% กล่าวว่าพวกเขาพร้อมจะออกไปทำงานที่ประเทศอื่นๆ ในยุโรป เมื่อเทียบกับการสำรวจที่ Grant Thornton ทำขึ้นในปี 2561 ซึ่งมีชาวลอนดอนเพียง 16% เท่านั้นที่ตอบว่าอยากย้ายไปอยู่ที่อื่น
ผลสำรวจความคิดเห็นดังกล่าวเป็นการเน้นย้ำถึงความวิตกกังวลที่ว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 และ Brexit อาจทำให้ลอนดอนไม่มีความน่าดึงดูดใจเพียงพอ แม้เทศบาลนครลอนดอนเพิ่งออกมาเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ (22 ม.ค.) ว่า ลอนดอนมีจุดแข็งอยู่ที่การเป็นศูนย์กลางทางการเงิน และตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างวางแผนปรับโฉมเมืองให้เป็นศูนย์กลางด้านฟินเทคและการเงินที่ยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม รายงานที่เผยแพร่ออกมาจากล่าสุดของเทศบาลกรุงลอนดอนนั้นได้ถูกตั้งข้อสังเกตว่าดูจะขัดแย้งกับฉากหลังของนครแห่งนี้ที่ปกคลุมไปด้วยความว่างเปล่าบนท้องถนน และความเป็นจริงที่ว่าคนทำงานในแวดวงธุรกิจการเงินจำนวนหลายพันคนได้ย้ายออกจากมหานครแห่งนี้เพื่อไปทำงานในเมืองอื่นๆ เช่น ปารีสและแฟรงก์เฟิร์ตตั้งแต่ที่สหราชอาณาจักรมีมติถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป
นายอเล็ก เฟลมมิง ประธานประจำภูมิภาคยุโรปเหนือของ Adecco กล่าวว่า "แม้จะมีข้อตกลง Brexit และได้เริ่มมีการฉีดวัคซีนมาแล้ว แต่ความไม่แน่นอนที่อยู่ในระดับสูงก็ยังคงทำให้คนหนุ่มสาวมองหางานนอกสหราชอาณาจักรและนอกกรุงลอนดอน หากภาคธุรกิจไม่มีการดำเนินการใดๆในตอนนี้เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว พวกเขาก็จะสูญเสียผู้มีความสามารถอันมีค่าไป และในที่สุดก็จะต้องเผชิญกับความเสี่ยงในการฟื้นคืนธุรกิจให้กลับมาประสบความสำเร็จในระยะยาว"