นางสเตฟฟานี สเตรทดี รองคณบดีสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพโลกแห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียในซานดิเอโกเปิดเผยว่า บทเรียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คือ ทุกประเทศจำเป็นต้องยกระดับขีดความสามารถในการเตรียมพร้อมรับมือกับโรคระบาด
นางสเตรทดีกล่าวให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวว่า "ยอดผู้ติดเชื้อกว่า 100 ล้านรายถือระดับที่น่ากลัวในการแพร่ะระบาดครั้งนี้ เพราะจำนวนผู้ติดเชื้อเหล่านี้เกิดขึ้นภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งปี"
ศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงระบบ (CSSE) แห่งมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์รายงานว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกทะลุ 100 ล้านรายในวันอังคารนี้ (26 ม.ค.)
การที่ยอดผู้ติดเชื้อโควิด 100 ล้านรายน่าจะช่วยเตือนสติให้แก่ประเทศที่ร่ำรวย เช่น สหรัฐ ซึ่งมีผู้ติดเชื้อคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 25% ของยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลก โดยเตือนว่า การแพร่ระบาดไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในประเทศที่ขาดแคลนทรัพยากรเท่านั้น
นางสเตรทดีระบุว่า "โควิด-19 ทำให้ทั่วโลกไม่ทันได้ตั้งตัว และไม่ควรเป็นเช่นนั้น ทุกๆ ศตวรรษ โลกได้เผชิญกับโรคระบาด 4-5 ครั้ง และเราได้เกินกำหนดนั้นมานานแล้ว"
นางสเตรทดีกล่าวย้ำถึงความจำเป็นในการยกระดับการเตรียมพร้อมในระดับต่างๆ หากเกิดการแพร่ระบาดขึ้นอีกในอนาคต
นางสเตรทดีระบุเสริมว่า "โรคโควิด-19 เป็นการแพร่ระบาดครั้งแรกในศตวรรษที่ 21 และจะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย ยกตัวอย่างเช่น การแพร่ระบาดของเชื้อที่ดื้อยาจะเกิดขึ้นตามมา เราจำเป็นต้องสนับสนุนด้านสถาปัตยกรรมด้านสุขภาพทั่วโลกเพื่อให้แน่ใจว่าเราพร้อมสำหรับการแพร่ระบาดครั้งต่อไป"
ทั้งนี้ นางสเตรทดีระบุว่า องค์การอนามัยโลก สหประชาชาติ และหน่วยงานอื่นๆ ต่างมีบทบาทอย่างแข็งขัน ตลอดจนมีความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและเอกชน รวมถึงภาคอุตสาหกรรมและองค์กรพัฒนาเอกชน (NGO)