สมาชิกในทีมผู้เชี่ยวชาญขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่เข้าสืบหาต้นกำเนิดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศจีนเปิดเผยว่า เชื้อไวรัสโควิด-19 นั้นไม่น่าจะหลุดรอดออกมาจากห้องทดลองในเมืองอู่ฮั่น
"การที่เรามองว่าไวรัสหลุดรอดออกมาจากห้องทดลองเป็นแนวคิดที่โยงกับการเมือง" ศาสตราจารย์โดมินิก ดไวเออร์ จากมหาวิทยาลัยซิดนีย์ระบุในบทความบน The Conversation ซึ่งเป็นเว็บไซต์เผยแพร่ข้อมูลข่าวและบทวิเคราะห์
ศาสตราจารย์ดไวเออร์กล่าวว่า สถาบันไวรัสวิทยาของเมืองอู่ฮั่นเป็นศูนย์วิจัยที่น่าเชื่อถือและมีประสิทธิภาพ มีความใส่ใจต่อสุขภาพของเจ้าหน้าที่" พร้อมกับกล่าวว่า เขาได้ศึกษาตัวอย่างเลือดของนักวิทยาศาสตร์ที่ได้จากการเก็บตัวอย่างอยู่เป็นประจำ และพบว่าไม่มีแอนติบอดีที่บ่งชี้ถึงไวรัสโควิด-19 แต่อย่างใด
ศาสตราจารย์ดไวเออร์เผยอีกว่า กลุ่มนักระบาดวิทยาในทีมดังกล่าวได้วิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก และพบว่าไม่มีหลักฐานที่ชี้ชัดถึงวงจรการระบาดของโควิด-19 ทึ่เกิดขึ้นเป็นวงกว้างในเมืองอู่ฮั่นก่อนที่จะพบผู้ป่วยรายแรกเมื่อปลายปี 2562
"ตลอดหนึ่งเดือนที่ WHO ลงพื้นที่ในจีน เราได้พูดคุยกับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญของจีน ทั้งนักวิทยาศาสตร์ นักระบาดวิทยา แพทย์ เราประชุมร่วมกันกว่า 15 ชั่วโมงต่อวัน จนเป็นเหมือนเพื่อนร่วมงาน จะเรียกว่าเพื่อนก็ได้" ศาสตราจารย์ดไวเออร์กล่าว และระบุด้วยว่า "การทำงานร่วมกันในลักษณะนี้เป็นการสร้างความเคารพและความไว้วางใจกันและกัน ซึ่งการประชุมทาง Zoom หรืออีเมลทำไม่ได้"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ศาสตราจารย์ดไวเออร์กล่าวว่า มีความเป็นไปได้สูงที่ไวรัสโควิด-19 มีต้นตอมาจากสัตว์ แต่อาจไม่ได้มาจากตลาดสดในเมืองอู่ฮั่น โดยอาจเป็นการแพร่เชื้อจากค้างคาวมาสู่คน หรือสัตว์พาหะชนิดอื่นจากสถานที่อื่นซึ่งไม่รู้แน่ชัด ส่วนในขณะนี้ กลุ่มผู้เชี่ยวชาญยังคงทำงานเพื่อสร้างความกระจ่างเกี่ยวกับวงจรการระบาดที่แท้จริงจนนำมาสู่การระบาดใหญ่ในปัจจุบัน