รัฐบาลสหรัฐภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ไม่มีแนวโน้มที่จะพิจารณาเรื่องการส่งวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ให้กับเม็กซิโก โดยนางเจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า เป้าหมายหลักของรัฐบาลสหรัฐในขณะนี้คือการทำให้ประชาชนชาวอเมริกันมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งได้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตในสหรัฐแล้วกว่า 500,000 ราย
แถลงการณ์ดังกล่าวมีขึ้นก่อนที่ปธน.อันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ของเม็กซิโก และปธน.โจ ไบเดนจะมีการหารือกันผ่านการประชุมทางวิดีโอออนไลน์ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า ปธน.โอบราดอร์จะขอให้รัฐบาลสหรัฐพิจารณาเรื่องการส่งวัคซีนที่ผลิตได้บางส่วนให้กับเม็กซิโกด้วย
"เป้าหมายหลักของรัฐบาลสหรัฐในขณะนี้คือการดูแลให้ชาวอเมริกันทุกคนได้รับการฉีดวัคซีน เมื่อเราบรรลุเป้าหมายนี้แล้ว เราก็พร้อมจะหารือเพื่อวางแผนในขั้นต่อไป" นางซากีกล่าวระหว่างการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาว
ทั้งนี้ ปธน.ไบเดนคาดว่า ภายในเดือนกรกฎาคมนี้สหรัฐจะสามารถผลิตวัคซีนออกมาเพียงพอสำหรับการฉีดให้กับประชาชนทุกคน โดยข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (CDC) ระบุว่า หน่วยงานด้านสาธารณสุขของสหรัฐได้ดำเนินการฉีดวัคซีนไปแล้ว 76.9 ล้านโดส ซึ่งจะส่งผลให้ประชากรในสหรัฐราว 23% ได้รับวัคซีนครบ 2 โดสตามข้อนำแนะการใช้ เพื่อให้สามารถสร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคโควิด-19 ได้อย่างสมบูรณ์
รายงานระบุว่า ปัจจุบันเม็กซิโกดำเนินการฉีดวัคซีนไปแล้ว 2.5 ล้านโดส ซึ่งเพียงพอสำหรับประชากรราว 1 % เท่านั้น โดยเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของเม็กซิโกต่างก็ต้องเผชิญกับอุปสรรคจากปัญหาติดขัดในการผลิตวัคซีน และได้แสดงความกังวลว่าประเทศที่มีฐานะร่ำรวยนั้นได้มีการกักตุนวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ไว้เพียงฝ่ายเดียว