นายไมเคิล เวิร์ธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเชฟรอน และนายอามิน นาสเซอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทซาอุดี อารามโคกล่าวระหว่างการแถลงข่าวของกลุ่มผู้ประกอบการน้ำมันและก๊าซว่า คาดว่าอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกจะมีการฟื้นตัวจนกลับไปแตะระดับเดิมก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ภายในปีหน้า
สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสเมื่อปีที่ผ่านมาส่งผลให้อุปสงค์ในตลาดเชื้อเพลิงโลกหดตัวลงราว 20% เนื่องจากประชาชนทั่วไปหยุดเดินทางท่องเที่ยวและเลือกกักตัวอยู่ในบริเวณที่พักอาศัย
นายนาสเซอร์ได้กล่าวในที่ประชุม CERAWeek ออนไลน์ซึ่งจัดขึ้นโดย IHS Markit ว่า ขณะนี้อุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกได้ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 94 ล้านบาร์เรล/วัน และคาดว่าอาจแตะระดับ 99 ล้านบาร์เรล/วันได้ภายในปี 2565
นอกจากนี้ นายนาสเซอร์ยังระบุว่า สภาพเศรษฐกิจในจีน, อินเดีย และภูมิภาคเอเชียตะวันออกที่กำลังฟื้นตัวหลังจากเริ่มดำเนินการฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 แล้วนั้น ก่อให้เกิดกระแสความเชื่อมั่นในแง่บวกในฝั่งตะวันตก และได้กล่าวเสริมว่า "ผมมองว่าอุปสงค์และสภาพตลาดหลังจากนี้จะมีการฟื้นตัวขึ้น โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังของปีนี้"
ด้านนายเวิร์ธซึ่งได้ร่วมแถลงข่าวกับนายนาสเซอร์กล่าวว่า อุปสงค์น้ำมันดีเซลขณะนี้อยู่ในระดับใกล้เคียงหรือมากกว่าก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เนื่องจากยังมีการใช้บริการส่งของต่างๆ อยู่ ถึงแม้อุปสงค์น้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินจะยังคงชะลอตัว เนื่องจากประชาชนทั่วไปหลีกเลี่ยงการเดินทางด้วยเครื่องบินในระยะไกล
นายเวิร์ธยังได้ย้ำเตือนว่า ในส่วนการปล่อยก๊าซมีเทนซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกและเป็นส่วนประกอบหลักในก๊าซธรรมชาตินั้น ควรมีการควบคุมอย่างเข้มงวดเพื่อให้มีการปล่อยก๊าซในระดับที่ลดลง พร้อมทั้งระบุว่าตนคาดหวังให้รัฐบาลสหรัฐภายใต้การบริหารของปธน.ไบเดนมีการกำหนดกฎเกณฑ์ควบคุมการปล่อยก๊าซมีเทนที่รัดกุมขึ้น