บริษัทวอลท์ ดิสนีย์ มีแผนที่จะปิด "Disney Store" หรือร้านจำหน่ายสินค้าของดิสนีย์ลงในสัดส่วน 20% ภายในสิ้นปีนี้ โดยจะหันไปขยายธุรกิจอีคอมเมิร์ซแทน
ดิสนีย์ ระบุว่า ร้านจำหน่ายสินค้าอย่างน้อย 60 แห่งในอเมริกาเหนือจะปิดตัวลง เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป โดยหันไปให้ความสนใจซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชันของ Disney Parks รวมถึงแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ทั้งนี้ ร้านค้าของดิสนีย์ทั่วโลกมีอยู่ราว 300 แห่ง
นางสเตฟานี ยัง ประธานกลุ่มธุรกิจสินค้า เกม และสิ่งพิมพ์ของดิสนีย์กล่าวว่า "ผู้บริโภคหันไปซื้อสินค้าออนไลน์กันมากขึ้น โรคระบาดที่เกิดขึ้นทั่วโลกได้เปลี่ยนแปลงความคาดหวังที่ผู้บริโภคมีต่อร้านค้าด้วย"
ทั้งนี้ ดิสนีย์จะเริ่มดำเนินตามแผนโดยปิดร้านค้า 1 ใน 5 ของทั้งหมดที่มี จากนั้นจะประเมินว่าจะปิดสาขาอื่นๆ อีกหรือไม่ ทั้งนี้ ในการลดจำนวนร้านค้าในครั้งนี้นั้น บริษัทพุ่งเป้าไปที่ยุโรปเป็นหลัก
ข้อมูลดัชนีค้าปลีกสหรัฐของ IBM ระบุว่า การระบาดของโรคโควิด-19 เป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดการปรับเปลี่ยนการทำธุรกิจจากแบบมีหน้าร้านไปเป็นออนไลน์แทน โดยในปี 2563 ยอดขายสินค้าผ่านอีคอมเมิร์ซในอุตสาหกรรมต่างๆ พุ่งขึ้น 32.4% แตะระดับ 7.917 แสนล้านดอลลาร์ โดยคาดด้วยว่ายอดดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง